กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องมิตรรักนักอ่านและนักต่อโมทุกท่านครับ ยินดีต้องรับทุกท่านเข้าสู่ Gunpla Story กับกระผมนาย GoldSaint เองครับ ห่างหายกันไปเสียนานเลยนะครับ สำหรับการสรุปนิยาย พอดีว่าผมไปหลงอยู่ในโลก NFT อยู่พักใหญ่ๆ ฮ่าๆ
ตามที่ได้สัญญากันไว้ใน EP.5 ก่อนหน้านี้ ในบทนี้เราจะกล่าวถึงเนื้อหาในส่วนของการเข้ายึดเมืองโอเอนเบริแบบเต็ม ๆ โดยเนื้อหาในที่จะกล่าวต่อไปนี้ อ้างอิงตามนิยาย Mobil Suit Gundam Hathawha’s Flash เล่มที่ 2 ซึ่งเป็นเนื้อหาที่นำหน้าภาพยนตร์ หากท่านใดที่เข้ามาอ่า EP.6 โศกนาฎกรรมที่โอเอนเบริ เป็นตอนแรกขอแนะนำให้ท่านย้อนกลับไปอ่าน EP.5 เรื่องวุ่นวายของฮาธาเวย์สและการมุ่งหน้าสู้โอเอนเบริ ก่อนหน้านี้ตามลิงค์ใต้บทความนะครับ
คำเตือน!! เนื้อหาในสรุปนิยายต่อไปนี้ มีเนื้อหาที่มีความรุนแรง มีเนื้อหาที่หดหู่สะเทือนใจ ทารุณและโหดร้าย ใครที่มีอาการของโรคซึมเศร้าโปรดหลีกเลี่ยง ไม่ควรทานอาหารไปอ่านไป เพราะอาจทำให้ไม่เจริญอาหารทานไม่ลงได้ครับ ถ้าทุกท่านพร้อมกันแล้ว เราก็ไปลุยกันเลยครับ
หยั่งเชิงและเก็บรวบรวมข้อมูลสนามรบ
หลังจากเข้าสู่เขตชาญเมืองของโอเอนเบริ โดยไร้แนวสกัดกั้นตามที่คาดไว้ ฮาธาเวย์ก็ได้ออกคำสั่งพร้อมรบกับนักบินโมบิลสูททุกคน เมื่อมองเห็นเค้าลางของสิ่งปลูกสร้าง แมสเซอร์ทั้งหมดก็ได้ดีดตัวออกจากกาเซซอน ทุกเครื่องแยกย้ายกันไปเพื่อรวบรวมข้อมูลสภาพสนามรบให้ได้มากที่สุด เมื่อดีดตัวเสร็จเรียบร้อย ฮาธาเวย์ก็เร่งแรงขับของคซีกันดั้มให้ทะยานขึ้นสูงเหนือน่านฟ้าของโอเอนเบริและเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ในระหว่างที่กล้องสังเกตการณ์บนส่วนหัวของคซีกันดั้มกำลังทำงานอยู่นั้นเอง ฮาธาเวย์ก็ได้ยินเสียงอันเป็นเอกลักษณ์กำลังพุ่งผ่านคซีกันดั้มไป มันคือเสียงของมิสไซล์ที่ยิงพลาดเป้า
กองกำลังจัดตั้งที่อ้างชื่อมัฟตี้ไม่น่าจะมีอาวุธที่สามารถใช้ต่อต้านโมบิลสูทได้ การที่มีมิสไซล์ยิงออกมาแบบนี้ ต้องเป็นหน่วยรบของคิมเบอลี่ย์ที่วางกำลังอยู่ในเขตตัวเมืองอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้น ฮาธาเวย์ จึงยิงมิสไซล์ที่ติดตั้งไว้บริเวณเข่าหลายนัดไปยังแสงสว่างที่เป็นต้นทางของวิถีมิสไซล์ยิงออกมาเมื่อครู่ เมื่อมิสไซล์ปะทะกับเป้าหมายก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่สูงเหนือพื้นดินราวสิบกว่าเมตร หลังจากเกิดการระเบิดฮาธาเวย์ก็กลับลำคซีกันดั้มในวงแคบแล้วหันหน้าเข้าสู่ตัวเมืองโอเอนเบริอีกครั้ง ในตอนนี้ภาพที่ฮาธาเวย์เห็นคือ แมสเซอร์และกาเซซอลกำลังมุ่งหน้าไปยังแนวภูเขาด้านหลังตามที่นัดหมายกันไว้
ในขณะนั้นเองที่โมบิลสูทของหน่วยคิมเบอลี่ย์ออกไล่ตามคซีกันดั้มมา ฮาธาเวย์เห็นดังนั้นจึงยิงมิสไซล์ที่ติดตั้งไว้ที่บริเวณหลังชิลด์ออกไปสกัด โมบิลสูทที่ไล่ตามมาทำการยิงมิสไซด์ใส่คซีกันดั้มเช่นกัน ฮาธาเวย์เร่งความเร็วเพื่อเพิ่มเพดานบินให้สูงขึ้น แล้วใช้แซนด์บาเรลเป็นบาเรียสกัดมิสไซด์ที่ไล่ตามมา
แซนด์บาเรลคือการยิงกระสุนลูกเหล็กจำนวนมากออกมาเพื่อสร้างบาเรียจากลูกเหล็ก คล้ายกับกระสุนลูกปรายที่เรารู้จักกันดี เมื่อมิสไซล์กระทบกับลูกเหล็กก็จะเกิดการระเบิดก่อนที่จะถึงเป้าหมาย แต่มันมีข้อเสียที่ว่าถ้าใช้มันเร็วเกินไป มันจะไม่สามารถสกัดการโจมตีได้ทั้งหมด แต่ถ้าใช้มันช้าเกินไป มันก็จะทำให้มิสไซล์เกิดระเบิดใกล้กับตัวผู้ใช้มากเกินไปโมบิลสูทของผู้ใช้ก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย ดังนั้นการใช้แซนด์บาเรล ผู้ใช้จำเป็นต้องมีความชำนาญทั้งในเรื่อง จังหวะ ระยะ และ เวลา ซึ่งเป็นเรื่องยากในการนำไปใช้ในสนามรบจริง แต่ทว่าฮาธาเวย์ในตอนนี้กลับทำมันได้ง่ายๆ ราวกับปอกกล้วยเข้าปาก
หลังจากมิสไซล์ที่ไล่ตามมาถูกสกัดไว้ด้วยบาเรียแซนด์บาเรล ฮาธาเวย์ก็ลดระดับเพดานบินลงอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าคซีกันดั้มจะตกลงกระแทกแนวเขา แล้วหักเลี้ยวกระทันหันเคลื่อนตัวลัดเลาะไปตามแนวช่องเขาอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ฮาธาเวย์ล่าถอยออกจากน่านฟ้าของโอเอนเบริ และกำลังมุ่งหน้าไปสมทบกับพรรคพวกที่จุดนัดหมาย ระหว่างนั้นฮาธาเวย์ก็ได้สั่งให้คอมพิวเตอร์แปลงภาพที่ได้จากกล้องสังเกตุการณ์เป็นภาพนิ่งแล้วนำไปเทียบกับแผนที่เมืองโอเอนเบริ เพื่อเตรียมสำหรับการหารือเพื่อประเมินสถาณการและกำลังรบของหน่วยคิมเบอลี่ย์
ประเมินสนามรบ วิเคราะห์สถานการณ์
ณ ลำธารที่แห้งเหือดไปแล้วที่ทอดผ่านช่องเขาแคบ ๆ ที่นั่นคือจุดนัดพบ เมื่อฮาธาเวย์มาถึง ก็พบกับกาเซซอน และ แมสเซอร์มาถึงกันก่อนแล้ว ฮาธาเวย์นำคซีกันดั้มลงจอดด้านหน้ากาเซซอนแล้วสอดนิ้วของคซีกันดั้มไปยังช่องเชื่อมต่อข้อมูลบริเวณด้านบนห้องบังคับการของกาเซซอนแล้วถ่ายโอนข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เมื่อสักครู่ไปยังกาเซซอน ในระหว่างที่กำลังส่งถ่ายข้อมูล ฮาธาเวย์ก็ใช้สลิงสำหรับโรยตัวจากห้องนักบินของคซีกันดั้มเพื่อลงมายังห้องบังคับการของกาเซซอน เกาแมนเปิดประตูออกมารับฮาธาเวย์ ในห้องนั้นเหล่านักบินของแมสเซอร์กำลังดูข้อมูลภาพที่ทุกเครื่องรวบรวมมาแล้วถูกคอมพิวเตอร์ประมวลผลอีกที ทุกคนมีสีหน้าที่ตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นอย่างไรบ้าง” ฮาธาเวย์ที่พึ่งเข้ามาเอ่ยถาม
“รีบไปต่อกันเลยเถอะ กองกำลังที่มารวมตัวกันที่โอเอนเบริ ถูกกวาดล้างจนแทบไม่เหลือแล้ว” เอเมอรันด้าเอ่ยด้วยน้ำเสียตึงเครียด
ลำพังประชาชนธรรมดาที่มารวมตัวกันที่โอเอนเบริก็มีจำนวนมากกว่า 30,000 คน ถ้านับเฉพาะคนที่เข้าร่วมเป็นแนวหน้าของกองกำลังต่อต้านก็มีจำนวนหลายพันคน การที่กองกำลังต่อต้านถูกกวาดล้างนั่นหมายถึงเหตุการณ์มันเลวร้ายกว่าที่ฮาธาเวย์คาดการณ์ไว้ เอเมอรันด้าไม่ได้ตอบคำถามฮาธาเวย์ด้วยคำพูด แต่ส่งเอกสารภาพให้ฮาธาเวย์ดูแทน เป็นภาพที่ถ่ายได้จากกล้องสังเกตการณ์ของโมบิลสูท ในภาพมีเงาดำมืดสลัวเรียงรายอยู่ตามพื้อนเต็มไปหมด
“ทั้งหมดนี่มัน….ศพงั้นเหรอ!” ฮาธาเวย์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย
“คงคิดว่าเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ละนะ” เอเมอรันด้าตอบ
“ไอ้สารเลว คิมเบอลี่ย์ มันลนลานเพราะกำลังจะถูกย้ายสินะ ไม่อย่างนั้นกับกลุ่มคนที่แทบจะไม่มีอาวุธ มันคงไม่ลงมืออย่างไร้ปราณีแบบนี้” เรย์มอนเอ่ยด้วยน้ำเสียโกรธเกรียวพลางมองไปยังเอกสารทุกแผ่น
“ไปกันเลยเถอะ กำลังรบก็น่าจะพอๆกัน อีกอย่างดูเหมือนว่าพวกมันจะเคลื่อนที่ไปโจมตีที่จาบิลต่อนะ” เอเมอรันดายื่นภาพถ่ายที่มีรถขนส่งกำลังพลหลายคันกำลังมุ่งหน้าไปยังจาบิล
“ถ้าการวิเคราะห์ภาพถ่ายของคอมพิวเตอร์ไม่มีอะไรผิดพลาด จำนวนที่คิมเบอลี่ย์ฆ่าไปตอนนี้ก็หลักหลายพันคนแล้วนะ” เรย์มอนเอ่ย
“ที่นอกเมือง มีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ น่าจะเป็นของคนท้องถิ่น แต่ก็ถูกกวาดเรียบเหมือนกัน ศพเกลื่อนพื้น จำนวนน่าจะหลักหลายร้อย” นักบินของแมสเซอร์อีกคนเอ่ยเสริม
“เข้าใจแล้ว จากนี้ไปจะเป็นการเข้าปะทะกันซึ่งๆหน้า แน่นอนว่ามันจะลำบากกว่าที่ผ่านๆมา เพราะนี่ไม่ใช่การลอบโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว ขอให้ทุกคนตระหนักถึงจุดนี้ไว้ให้ดี” ฮาธาเวย์ออกคำสั่งไปยังนักบินทุกคน
แม้ว่าฮาธาเวย์จะเป็นกังวลอยู่บ้างกับการบุกเข้าปะทะซึ่งๆหน้า แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ฮาธาเวย์อยากจะทำมากที่สุด ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน การปะทะกันซึ่งหน้าแบบตัวต่อตัวคือการต่อสู้ที่แท้จริง เป็นการเรียกขวัญกำลังใจของกองทัพได้ดีทีสุด เป็นแผนที่อันตรายแต่ก็ปลุกจิตวิญญาณลูกผู้ชายของเหล่านักบินได้ดี นี่คือสิ่งที่ แคเรีย เดส กลัวว่าจะเกิดมากที่สุด เธอถึงไม่อยากให้ฮาธาเวย์เข้าร่วมปฎิบัติการในครั้งนี้
เข้าตีเพื่อบุกยึดโอเอนเบริ
หลังจากทำความเข้าใจแผนการแล้ว นักบินแต่ละคนก็เข้าประจำเครื่องเพื่อออกปฎิบัติการทันที ฮาธาเวย์นำคซีกันดั้มเชิดหัวขึ้นเหนือน่านฟ้าเพื่อเป็นเป้าดีงดูดความสนใจ จากนั้นกาเซซอนทั้งสามลำก็ลอยตัวตามมา ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น หน่วยโมบิลสูทของ คิมเบอลี่ย์ อันประกอบไปด้วย กุสตาฟ คารล์ จำนวน 12 เครื่องก็มุ่งหน้าตรงมายังตำแหน่งของพวกฮาธาเวย์ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่ประเมินจากภาพถ่ายเมื่อครู่
แมสเซอร์ทั้ง 6 เครื่องดีดตัวออกจากกาเซซอน แล้วพุ่งตรงไปยังหน่วย กุสตาฟ คารล์ นี่คือการปะทะกันซึ่งๆหน้า ฮาธาเวย์บังคับคซีกันดั้มให้ฉากออกไปอีกทางหนึ่ง เพื่อแยกกำลังรบของฝ่ายศัตรูให้กระจายออก ปรากฏว่ามีกุสตาฟ คารล์ ไล่ตามฮาธาเวย์มาถึง6เครื่อง เป็นการดีสำหรับหน่วยแมสเซอร์ที่จะได้ปะทะกันด้วยจำนวนที่เท่ากัน ส่วนฮาธาเวย์นั้นถึงแม้จะมี กุสตาฟคารล์ ไล่ตามมา6เครื่อง แต่ด้วยประสิทธิภาพของคซีกันดั้มที่ติดตั้งไมนอฟสกีคราฟท์ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาถึงขั้นต้องกังวล
เพียงไม่กี่อึดใจที่ กุสตาฟ คารล์ 6 เครื่องไล่ตามกันดั้มไป ฮาธาเวย์ก็โจมตีสวนกลับและจมกุสตารฟ คารล์ 3 เครื่องลงอย่างง่ายดาย อีก 3 เครื่องเห็นท่าไม่ดีจึงถอนกำลัง แต่ก็หนีไม่พ้นโดนฮาธาเวย์เล็งยิงจากกลางอากาศแบบนิ่ม ๆ พริบตาเดียว กุสตาร์ฟ คาร์ 6 เครื่องที่ไล่ตามฮาธาเวย์ถูกทำลาย เมื่อหน่วยรบกว่าครึ่งถูกทำลาย เหลือเพียงแค่กุสตาฟ คารล์3เครื่อง ที่รอดจากการปะทะกับหน่วยแมสเซอร์ มิหนำซ้ำ แคสซาเรีย ที่เป็นแบสแจบเบอร์ของกุสตาฟ คารล์ เห็นท่าไม่ดีจึงเอาตัวรอดหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้กุสตาฟ คารล์ ที่เหลือทำได้เพียงแค่ใช้จั้พม์ฟลาย หนีตายอยางตาลีตาเหลือก และแน่นอนว่าถูกฮาธาเวย์และหน่วยแมสเซอร์จัดการเรียบร้อย หน่วยโมบิลสูทของ คิมเบอลี่ย์ จำนวน 12 เครื่องถูกทำลายลงอย่าง่ายดาย
ในขณะที่ฮาธาเวย์ พึ่งจมกุสตาฟ คารล์ เครื่องสุดท้ายไปหมาด ๆ ในตัวเมืองโอเอนเบริ ก็ปรากฏเงาของวัตถุบิน กำลังลอยตัวยกระดับขึ้น จากแนวตึกสูง เนื่องจากอยู่ในระยะไกลทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถจำแนกได้ว่าเป็น แคสซาเรีย หรือ เบสเจบเบอร์ แต่ที่แน่ๆก็คือ ยานนั่นกำลังคิดจะหลบหนี ฮาธาเวย์รีบเร่งความเร็วของ คซีกันดั้ม เพื่อเข้าประชิดเงาของยานนั่น เมื่อเข้าใกล้มากขึ้นจึงรู้ว่ายานมี 2 ลำ และกำลังยกตัวข้างๆกัน ทำให้เงาเกิดความเหลื่อมล้ำจนระบบมัลติเพลเยอร์ประมวลผลไม่ได้ว่าเป็นยานประเภทใด ฮาธาเวย์ไม่รอช้ายิงกระสุนบีม ทำลายแคสซาเรียลำที่ออกตัวไปก่อนหน้าทันที แคซซาเรียลำแรกระเบิดไม่มีชินดี แรงระเบิดนั้นกระแทกแคซซาเรียอีกลำเสียการทรงตัวจนไถลไปกับพื้น ฮาธาเวย์บินข้ามแรงระเบิดนั้นไปแล้ววนกลับมา พลางคิดว่าน่าจะสามารถจับกุมแคซซาเรียอีกลำนั้นได้ จึงส่งสัญญาณให้หน่วยแมสเซอร์ที่ตามมาไม่ให้โจมตีและให้ลดเพดานบินลงมาล้อมแคสซาเรียเอาไว้ ฮาธาเวย์บังคับคซีกันดั้มใช้ขาแตะไปยังปากกระบอกปืนที่ติดตั้งอยู่บนแคสซาเรีย จนเกิดเสียงดังสนั่น พลางเล็งบีมไรเฟิลไปที่ห้องนักบินของแคซซาเรีย สภาพตึกรามบ้านช่องรอบ ๆ ไฟลุกโชนเพราะชิ้นส่วนติดไฟของแคสซาเรียลำแรกที่ตกลงมา ฮาธาเวย์ปรับการสื่อสารเป็นการกระจายเสียงภายนอก
“ลูกเรือทุกคน ยอมจำนนซะ ทิ้งอาวุธแล้วลงมาจากยาน” ฮาธาเวย์กล่าว
“มะ..มะ..ไม่มีบันไดครับ” ลูกเรือแคสซาเรียตอบกลับด้วยน้ำเสียงลนลาน
“ก็ใช้เชือกฉุกเฉินสิ” ฮาธาเวย์หงุดหงิดกับท่าทีลนลานไม่สมกับเป็นทหาร ในกรณีแบบนี้มันก็ต้องมีเชือกหรืออุปกรณ์ฉุกเฉินอยู่แล้วสิ
สิ่งที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์
หลังจากดับไฟและควบคุมตัวเชลยเรียบร้อยแล้ว ฮาธาเวย์ขับกันดั้มไปยังจุดที่เป็นโศกนาฎกรรมตามภาพในรายงาน
“แบบนี้มัน ถูกไล่ฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวเลยนี่” ฮาธาเวย์กล่าวด้วยความหดหู่ใจ
ซากศพกองพะเนินกระจายอยู่เต็มพื้นที่ของทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา จนไม่สามารถประมาณจำนวนศพด้วยสายตาได้ หน่วยคิมเบอลี่ย์ มาถึงที่นี่แค่ไม่กี่วัน แต่กลับสร้างกองศพจำนวนมหาศาลได้ ด้วยความที่พื้นที่นี้เป็นเขตร้อนชื้น ทำให้ซากศพส่วนใหญ่เริ่มเน่าเปื่อย กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพคละคลุ้งไปทั่ว ขนาดคซีกันดั้มบินอยู่เหนือพื้นดินหลายสิบเมตร ยังได้กลิ่นชัดเจน ฮาธาเวย์ส่องไฟค้นหาผู้รอดชีวิตเพียงครั้งเดียวแล้วก็ปิดมันลง เพราะสิ่งที่เห็นว่าเคลื่อนไหวอยู่ คือเงาของ หมาดิงโก้ หมาป่า และสัตว์กินซากต่าง ๆ ที่ออกมากัดกินซากศพที่นอนเรียงรายอยู่
“นี่คือสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างนั้นเหรอ? ถึงคนพวกนี้จะแอบอ้างชื่อของมัฟตี้ แต่พวกเขาก็ไม่ควรพบจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้” ฮาธาเวย์กล่าวอย่างคับแค้นใจ
เมื่ออยู่ตอหน้าความเป็นจริงอันเลวร้าย ฮาธาเวย์ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่พวกเขากระทำลงไปเพื่อต่อต้านและหยุดยั้งรัฐบาลสหพันธ์โลกนั้นถูกต้อง ฮาธาเวย์บังคับกันดั้มกลับเข้าไปยังตัวเมืองโอเอนเบริ โดยไม่ปิดประตูห้องนักบิน เพื่อหวังว่าสายลมจะช่วยพัดพาให้กลิ่นแห่งความตายนี้ทุเลาลงบ้าง
ผู้รอดชีวิตที่ไม่มีชีวิต
เมื่อเข้ามาในตัวเมือง ฮาธาเวย์เอากันดั้มลงจอดที่อาคารสำนักงานขุดเจาะเหมืองเร่แห่งหนึ่ง หลังจากการสำรวจแล้วพบว่า ที่นี่ถูกหน่วยคิมเบอลี่ย์ใช้เป็นที่ควบคุมตัวเหล่าเชลยที่จับมาได้ ฮาธาเวย์เดินเข้าไปในตึกโดยมี ร๊อด ไฮน์ หนึ่งในนักบินของแมสเซอร์นำทาง
“ได้กลิ่นไม่ค่อยดีใช่มั้ยครับ” ร๊อดกล่าว แต่ฮาธาเวย์ได้แต่ส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธว่าไม่ได้กลิ่นอะไร
“ไม่ได้กลิ่นจริงเหรอครับ กลิ่นของเนื้อเน่านี่นะ” ร๊อดกล่าว
“อ่อ! พอดีเมื่อกี้ไปเจอศพจำนวนนับไม่ถ้วนที่สนามรบมานะ จมูกมันเลยชินกับกลิ่นละมั้ง” ฮาธาเวย์กล่าว
ร๊อดได้ฟังดังนั้นก็คลายความสงสัย เขาทำสีหน้าเคร่งเครียดแล้วฉายไฟฉายเข้าไปยังห้องๆหนึ่ง
“โดนทรมานอย่างหนักเลยละครับ” ร๊อดกล่าว
ที่ฮาธาเวย์เห็น คือศพของชายคนหนึ่งถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเส้นลวด ที่ปลายนิ้วมือและเท้าของเขาดูแปลก ๆ เมื่อสังเกตดูก็เข้าใจได้ทันที เขาถูกถอดเล็บออกทั้งหมด
“ฮาธาเวย์ มาแล้วเหรอ” เสียงเรียกของเอเมอรันดาและฮาล่าที่เข้ามาสำรวจล่วงหน้าดังขึ้น
ในขณะที่ฮาธาเวย์ตอบรับแล้วหันไฟฉายไปทางเอเมอรันดา ไฟฉายของฮาธาเวย์ก็สาดเข้าไปยังห้องอีกห้องหนึ่ง ในห้องนั้นมีศพเปลือยแขวนอยู่ในห้อง ทั้งตัวดำเมี่ยมเป็นตอตะโก เขาคงจะถูกแขวนแล้วเผาทั้งเป็น ฮาธาเวย์ไม่มีความกล้ามากพอที่จะหันกลับไปดูให้แน่ใจ เมื่อพูดคุยกับเอเมอรันด้าทำให้รู้ว่ายังมีคนที่รอดชีวิตอยู่ ฮาธาเวย์กำลังจะเดินไปยังห้องที่พบผู้รอดชีวิต แต่เอเมอรันด้ากลับขวางฮาธาเวย์ไว้ ฮาธาเวย์เข้าใจการกระทำของเอเมอรันด้าในทันที
“ผู้รอดชีวิตเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ” ฮาธาเวย์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด
“ใช่ พวกมันใช้เธอเป็นของเล่น ทั้งร่างกายและจิตใจถูกขยี้จนไม่เหลือชิ้นดีเลยละ มีแนวโน้มว่าเธออาจจะฆ่าตัวตาย แต่….สำหรับเธอแล้ว แบบนั้น อาจมีความสุขมากว่ามีชีวิตอยู่ก็ได้” เอเมอรันด้าน้ำตาคลอเบ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางจับแขนของร๊อดแน่น
“แต่แบบนั้น เธออาจจะฆ่าตัวตายเลยนะ จะปล่อยเธอไว้อย่างนั้นได้เหรอ” ร๊อดเอ่ยท้วงติง
“แต่ว่านะ ในตอนนี้ ในสภาพนี้ ทำแบบนั้นไม่ไหวหรอก” เอเมอรันด้าเอ่ยพร้อมกับคว้ากระติกน้ำจากมือฮาล่าแล้ววิ่งสะอึกสะอื้นเข้าไปในห้องดังกล่าว
“ฮาล่า ช่วยอธิบายสภาพโดยรวมที” ฮาธาเวย์กล่าว
“อาคารนี้ถูกหน่วยของคิมเบอลี่ย์ใช้เป็นที่คุมขังเชลยคะ โดยเฉพาะในชั้นนี้เป็นที่คุมขังและทรมานของเชลยจากกองกำลังจัดตั้งที่โอเอนเบริ คนที่รอดชีวิต มีแค่ผู้หญิงคนนั้นแค่คนเดียวคะ ส่วนคนอื่นๆเสียชีวิตทั้งหมด ที่เสียชีวิตมาแล้วเป็นเวลาหลายวันจนศพเน่าเปื่อยก็มีคะ” ฮาร่ากล่าวรายงาน
“พวกมันอยู่ที่ไหน” ฮาธาเวย์กล่าถามสั้นๆด้วยความเดือดดาล
“อยู่ชั้นบนค่ะ” ฮาล่ากล่าว
“พาพวกเชลยของสหพันธ์มาที่นี่ ถึงจะไม่อยากทำก็เถอะนะ แต่…” ฮาธาเวย์รู้ดีว่านี่คือการกดขี่และคุกคามเชลย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามหลักกฎหมายสากลและสิทธิมนุษยชน แต่ฮาธาเวย์ก็ไม่สามารถข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่านให้สงบลงได้ ฮาธาเวย์รู้สึกว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ฮาธาเวย์รู้สึกรังเกียจความย้อนแย้งของตนเอง
ก็จบลงไปแล้วนะครับ สำรับการสรุปนิยาย E.P 6 โศกนาฎกรรมที่โอเอนเบริ เนื้อหาในส่วนนี้ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างหดหู่ ตอนที่กระผมอ่านครั้งแรกก็ถึงกับ Feeling Down ไปพักหนึ่งเลย ในบทต่อไป เราจะเข้าสู่เนื้อหาในการสอบสวน คิมเบอลี่ย์ เฮย์แมน และพรรคพวก การเจรจากับ ฟาบิโอ ริเวอร่า ผู้น้ำกองกำลังจัดตั้งที่อ้างชื่อมัฟตี้ และการตัดสินใจที่มีเลศนัยของกิกิ ทั้งหมดนี้สามารถติดตามอ่านได้ในบทต่อไปนะครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันนะครับ ฝากกดไลท์ กดแชร์ ทั้งบทความนี้ และ เพจ Gunpla Story ด้วยนะคับ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย หรือมีข้อติชมอะไร อยากให้เรานำไปปรับปรุง ก็สามารถคอมเมนท์ไว้ได้นะครับ