กราบสวัสดีท่านพ่อแม่พี่น้องมิตรรักนักอ่านและนักต่อกันพลาทุกท่าน กระผมนาย Gold Saint ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ Gunpla Story เพราะกันพลาทุกตัวล้วนมีเรื่องราว ในวันนี้ก็จะเข้าในส่วนของ EP.3 การจู่โจมก่อนรุ่งสางและการปรากฏตัวของ Penelope กับความลังเลของฮาธาเวย์ ท่านใดยังไม่ได้อ่าน EP.1 และ EP.2 ก็สามารถย้อนไปอ่านได้ในเพจและใครที่ติดตามมาตั้งแต่ EP แรก ก็ต้องกราบขอบพระคุณด้วยครับ และตามที่ทุกท่านได้เห็นชื่อ เนื้อหาของ EP นี้จะมีการปรากฏตัวของ โมบิลสูท (Mobile suit) รุ่นต่างๆ และการสู้รบกันอย่างถึงพริกถึงขิง เรื่องราวจะเข้มมข้นขนาดไหน เชิญติดตามต่อได้เลยครับ
ปล. ภาพยนต์อนิเมชั่นของภาคนี้ได้เข้าฉายทาง Netflix แล้วนะครับ ใครที่อยากชมสามารถไปรับชมได้แล้วนะครับ (มีพากย์ไทย ซับไทย มีพากย์ญี่ปุ่น นะครับ) ส่วนใครที่ได้รับชมไปแล้วเรามาแชร์กันได้นะครับว่ารับชมแล้วเรารู้สึกเช่นไรกันบ้าง
ชมอนิเมะ Gundam Hathaway’s Flash พากย์ไทย ที่นี่
การจู่โจมก่อนรุ่งสาง
ไกลออกไปจากชายฝั่งของดาเวา เหนือน่านน้ำอันเงียบสงบในยามค่ำคืน มียานขนส่ง โมบิลสูท (Mobile suit) ของมัฟตี้จำนวน 2 ลำกำลังบินด้วยความเร็วสูงเฉียดผิวน้ำเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของเรดาร์ ยานขนส่งนั้นมีชื่อว่า กาเซซอน ถึงแม้ลักษณะการใช้งานจะไม่ได้ต่างเบสแจบเบอร์ที่เห็นได้ทั่วไปของกองทัพสหพันธ์โลก แต่ก็ได้รับการปรับแต่งทั้งประสิทธิภาพและรูปลักษณ์ เพื่อให้สามารถใช้บรรทุก โมบิลสูท (Mobile suit) หนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูเผินๆ แล้วคล้ายเต่าที่บินได้
ที่อยู่บนหลังของกาเซซอนทั้งสองลำ คือ Messer (แมสเซอร์) โมบิลสูทเกราะหนักที่เป็นรุ่นผลิตจำนวนมากของมัฟตี้ การติดตั้งโชเดอร์ชิลที่ไหล่ขวาและการใช้แมนคาเมร่าเป็นแบบโมโนอายส์ ชวนให้นึกถึง โมบิวสูทของอดีตกองทัพซีออน (Zeon)
แนะนำกันพลา HGUC 1/144 Me02-F01 Messer เป็น Mobil Suit รุ่นผลิตจำนวนมากและเป็นขุมกำลังหลักของกองกำลังมัฟตี้ ติดตั้งเกราะหนักทั่วทั้งตัว การออกแบบชวนให้นึกถึงหุ่นของอดีตกองทัพซีออน ที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดคือการใช้แมนคาเมร่าเป็นแบบโมโนอาย ในส่วนของโมเดลคิท เรียกได้ว่าเต็มไม้เต็มมือเลยทีเดียว
นักบิน Messer (แมซเซอร์)
บนกาเซซอนลำแรก บรรทุก Messer-2 มาเพียงเครื่องเดียว นักบินประจำเครื่องคือเกาแมน โนบิล อดีตนักบินฝีมือดีของสหพันธ์ที่มาเข้าร่วมกับมัฟตี้ ส่วนกาเซซอนลำที่ 2 บรรทุก Messer-3 นักบินคือ เฟนเซอร์ เมน และ Messer-4 นักบินคือ กอล์ฟ
แผนปฎิบัติการเบี่ยงแบนความสนใจ
ชายฝั่งดาเวาไกล้เข้ามาเรื่อยๆ เวลาปฎิบัติการไกล้เข้ามาทุกที เหล่านักบินต่างพากันเช็คระบบต่างๆ และทบทวนแผนปฎิบัติการ การจู่โจมครั้งนี้ฉากหน้าเหมือนเป็นการโจมตีฐานที่มั่นของหน่วยคิมเบอลี่ย์และโรงแรมที่พักของเหล่าบรรดารัฐมนตี แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงคือการแบนความสนใจของกองทัพและเปิดโอกาศให้ฮาธาเวย์อาศัยเหตุวุ่นวายหลบหนีออกจากดาเวา แผนฎิบัติการคือ แฟนเซอร์และกอล์ฟ จะเข้าโจมตีฐานทัพและสนามบินของหน่วยคิมเบอลี่ย์ ส่วนเกาแมนนั้น จะทำการโจมตีใส่ รีเจนด์โฮเทลที่เป็นที่พักของพวกรัฐมนตรีเป็นแห่งแรก และจะทิ้งช่วงเวลาประมาณหนึ่งนาทีครึ่ง จึงจะโจมตีไปยังส่วนบนของซาดายโฮเทล ที่เป็นที่พักของฮาธาเวย์ ที่ต้องทิ้งช่วงระยะหนึ่งเพราะต้องเพื่อเวลาให้ฮาธาเวย์หนีออกมาก่อน แต่ถ้าโชคร้าย ฮาธาเวย์ก็คงจะตายอยู่ใต้ซากตึกอย่างช่วยไม่ได้ ทุกอย่างต้องเสร็จสิ้นภายใน 10 นาที และจะล่าถอยออกจากน่านฟ้าของดาเวากันทันที
โจมตีรีเจนด์โฮเทล
ท่ามกลางความเงียบสงบก่อนรุ่งสาง กาเซซอนทั้งสองลำก็เข้าสู่เขตชายฝั่งของดาเวา เพียงชั่วอึดใจ Messer-4 ของ กอล์ฟ ก็ทะยานออกตัวจากกาเซซอนลำที่ 2 แล้วตรงไปยังสนามบินของหน่วยคิมเบอลี่ย์ Messer-3 ของแฟนเซอร์ก็ออกตัวตามไปติดๆ เกาแมนคือคนสุดท้ายที่ออกตัว และพุ่งตรงไปยังตำแหน่งเป้าหมาย พยายามรักษาสมดุลขณะร่อนอยู่กลางอากาศ แล้วล๊อคเป้าหมายเพื่อเตรียมทำการโจมตี
“ขอแสดงความเสียใจกับดวงวิญญาณทุกดวงที่ต้องมาโดนลูกหลงในครั้งนี้ อย่ากล่าวโทษกันเลยนะ” เกาแมนกล่าวก่อนจะลั่นไกโจมตีรีเจนด์โฮเทล
แผนการโจมตีอันโหดร้าย
อันที่จริงแผนการโจมตีครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นกรณีพิเศษ ต่างจากปฎิบัติการครั้งก่อนๆ เพราะมัฟตี้มักจะลอบสังหารบุคคลสำคัญในสถานที่ซึ่งห่างไกลผู้คน หรือถ้าจำเป็นจะต้องปฎิบัติการโจมตีในเมืองก็จะมีการประกาศแจ้งเตือนให้ประชนทราบก่อน แต่การโจมตีครั้งนี้ ไม่มีการแจ้งเตือน ถึงแม้ว่าสนามบินจะอยู่ในเขตของกองทัพ และโรงแรมทั้งสองแห่งจะมีแต่พวกระดับสูงเท่านั้นที่เข้าพักได้ แต่ประชาชนรอบๆ ก็คงพลอยโดนลูกหลงไปด้วย จุดนี้เองทำให้เกาแมนรู้สึกผิดอยู่ในใจแสงสว่างจากการระเบิดสว่างวาบขึ้นบนเรียลดิสเพลเยอร์ของเกาแมน เสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งดาเวา พริบตาหลังจากนั้น ก็เกิดการระเบิดขึ้นที่สนามบินของหน่วยคิมเบอลี่ย์ กอล์ฟและ แฟนเซอร์ลงมือแล้ว และคงล่าถอยในไม่ช้า
โจมตีซาดายโฮเทล
เกาแมนร่อนลงมายังพื้นบริเวณป่า พลางล๊อคเป้าหมายถัดไป ซาดายโฮเทล แล้วหยุดทิ้งระยะหนึ่งนาทีครึ่ง เพื่อให้ฮาธาเวย์มีเวลาหนีออกมา 180 วินาที เป็นเวลาเพียงชั่วอีดใจสำหรับฮาธาเวย์ แต่มันยาวนานสำหรับเกาแมน หลักการสำหรับยุทธการณ์บุกโจมตีแบบฉับพลัน คือการบุกเข้าพื้นที่ของศัตรูให้เงียบเชียบที่สุด เปิดฉากโจมตีอย่างว่องไวที่สุด แล้วล่าถอยออกมาจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด ดังนั้นการหยุดรอเวลา 180 วินาทีนั้น ทำให้โอกาสหลบหนีค่อยๆ ลดลง เกาแมนได้แต่จับจ้องนาฬิกา
“มาแล้วสินะ” ฮาธาเวย์สะดุ้งตื่นเพราะแรงสั่นไหวจากการระเบิด พลางพุ่งตัวออกไปยังห้องนั่งเล่นแล้วเปิดหน้าต่างเพื่อดูสถาณการณ์ เมื่อมองออกไปก็เห็น Messer-2 ของเกาแมนกำลังโจมตีใส่รีเจนด์โฮเทล
ห้องนอนของกิกิ
ฮาธาเวย์พุ่งตัวไปยังประตูห้องนอนของกิกิ พลางทุบและเรียกอย่างรีบร้อน
“ตื่นเร็วกิกิ มีการโจมตีทางอากาศโรงแรมนี้ตกเป็นเป้า” ฮาธาเวย์ตะโกนอย่างร้อนรน
เมื่อกิกิเปิดประตูออกมาในสภาพชุดนอนพร้อมอาการเมาขี้ตา ฮาธาเวย์จับกิกิใส่รองเท้า และเอาเสื้อคลุมไนกาวด์คลุมทับให้กิกิ พลางจับมือกิกิวิ่งตรงไปยังลิฟท์
“เกิดอะไรขึ้น มัฟตี้งั้นเหรอ” กิกิเอ่ยถามด้วยความสับสน
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่การโจมตีในเขตเมืองนี่มันก็…”
“มัฟตี้ นบียู เอริน นั่นมันก็คือนายเองไม่ใช่เหรอ” ยังไม่ทันที่ฮาธาเวย์จะพูดจบ กิกิก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“ถึงเป็นแบบนั้น แต่มัฟตี้เป็นองกรณ์นะ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว” ฮาธาเวย์บ่ายเบี่ยงสุดชีวิต
“คนโกหก” คำพูดสั้นๆ ที่เสียดแทงฮาธาเวย์อย่างจัง คำพูดของกิกิเหมือนจะติดคริติคอลอย่างรุนแรง
“อาจเป็นกองกำลังจัดตั้งกันเองที่โอเอนเบริก็เป็นได้ ใครจะรู้” ฮาธาเวย์พยายามบ่ายเบี่ยงพร้อมกับจับมือกิกิวิ่งไปยังประตูลิฟท์
“ทำไม่ต้องพูดเรื่องราวอ้างอะไรแยอะแยะ”
“ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายนะ” ฮาธาเวย์พูสวนขึ้นเพื่ออยากให้กิกิเข้าใจสถานการณ์บ้าง นี่ไม่ใช่เวลามาตั้งคำถาม นี่คือวินาทีเป็นตาย
สายตาอันเฉียบคมของกิกิ
พอถึงหน้าลิฟท์ มีคู่สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งวิ่งหนีมาที่ลิฟท์เหมือนกัน พอลิฟท์เปิดทั้ง 4 คนก็เข้าไปในลิฟท์ทันที
“มันคงจะไม่หยุดกลางคันใช่มั้ย” ผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้นมาในลิฟท์
“ถ้าถูกโจมตีก็หยุดครับ” ฮาธาเวย์ตอบกลับไปทันที
“ทำไมถึงได้พูดกับฉันแบบนั้นล่ะ” กิกิเอ่ยถามโดยพยายามเอาหน้าแนบกับบ่าฮาธาเวย์
“ลองชื่อในสัญชาติญาณของตัวเองดูสิ” ฮาธาเวย์ตอบกลับ
“งั้นเรื่องวุ่นวายระหว่างเรา ทำไมไม่ทำให้มันชัดเจนด้วยละ” กิกิอ่อยเบอร์แรงส์มว๊าก
“เอาไว้ทีหลังแล้วกันนะ” ฮาธาเวย์บอกปัดเพราะกำลังเพ่งความสนใจไปที่การหลบหนี
“ว่าแต่ นายใส่ชุดชั้นในนอนด้วยเหรอ ทำเรื่องน่ากลัวลงไปจริงๆ สินะ นายนะ” กิกิพูดพร้อมกับเลียบ่าของฮาธาเวย์ ฮาธาเวย์ได้แต่ขนลุกในความเฉียบคมของสายตากิกิ
ความโกลาหลในล็อบบี้
“ได้เวลาแล้ว เอาละ หนีให้พ้นนะคุณชายฮาธาเวย์” เกาแมนกล่าวพร้อมล๊อคเป้าหมายไปที่ซาดายโฮเทลแล้วลั่นไกโจมตีส่วนบนของ ซาดายโฮเทล อย่างแม่นยำ
การโจมตีของเกาแมนส่งเสียงดังสนั่น ลิฟท์ที่พวกฮาธาเวย์อยู่ข้างในสั่นไหวอย่างรุนแรงและหยุดทำงานค้างอยู่ที่ชั้น 3 กิกิตกใจกลัวตัวสั่นได้แต่กอดฮาธาเวย์เอาไว้แน่น
“เร็วดีแท้ ” ฮาธาเวย์เอ่ยกึ่งประชด พลางกดปุ่มฉุกเฉินและเปิดลิฟท์ด้วยมืออย่างรวดเร็ว เมื่อประตูเปิดออก ก็พบกันผู้คนที่กำลังโกลาหลท่ามกลางความมืด ฮาธาเวย์โอบเอวกิกิแล้วพากันวิ่งลงบันไดไปยังชั้นล่าง ที่ฟรอนล็อบบี้แต่ทว่าได้พบกับความโกลาหล มากกว่าหน้าลิฟเมื่อครู่เสียอีก ฮาธาเวย์พยายามหลีกเลี่ยงฝูงชนที่ตื่นตระหนก เอาเสื้อเจ็คเก็ตของตัวเองคลุมหัวให้กิกิ แล้วพากันมายังประตูเล็กๆ ด้านข้าง
“ฮาธาเวย์” กิกิเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ไม่เป็นไรหรอกนะ” ฮาธาเวย์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
การปรากฏตัวของ Penelope Gundam
สภาพกิกิตอนนี้ คือเด็กสาวที่ตัวสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว ต่างจากเด็กสาวที่พี่งไล่ต้อนเขาอย่างเจ้าเล่ห์ในลิฟท์เมื่อครู่อย่างกับเป็นคนละคนกัน ฮาธาเวย์พากิกิลงมายังถนนฝั่งตะวันออก บริเวณนี้ไม่ค่อยมีตึกสูง และไม่มีร่องรอยการโจมตีทางอากาศ แต่ก็ยังได้ยินเสียงระเบิดตูมตามอยู่เป็นระยะ ที่เส้นขอบฟ้าเริ่มมีแสงสว่างเล็ดรอดมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ปรากฏเงาดำของวัตถุบินบางอย่างพร้อมกับเสียงกรีดร้องปะหลาดที่ไม่ใช่เสียงจากการระเบิด มันบินเฉียดภูเขาเตี้ยๆ แล้วเลียดตรงมาทางฮาธาเวย์ ก่อนที่จะทะยานขึ้นไปบนฟ้าแล้วกลับลำแบบกระทันหัน เป็นการขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมมาก
“นั่นมันอะไร” กิกิเอ่ยถามด้วยอาการตกใจ
“โมบิลสูทของสหพันธ์นะ” ฮาธาเวย์ตอบพร้อมกับโอบเอวกิกิแล้วออกวิ่ง
ดวงตาของกิกิไม่สะท้อนสิ่งใด เหมือนสมองประมวลผลภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ทัน การที่โมบิลสูทรุ่นใหม่ของสหพันธ์สามารถบินได้อิสระในชั้นบรรยากาศ แสดงว่าอนาไฮม์ทำสำเร็จแล้ว เป็นที่รู้กันดีว่าโมบิลสูทนั้นไม่อาจเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเมื่ออยู่ในชั้นบรรยากาศโลกที่มีแรงโน้มถ่วง การจะหลุดพ้นจากแรงโน้มถ่วงและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระได้นั้น ทางออกของปัญหาคือ การใช้ไมนอฟสกีคราฟท์ เครื่องยนต์ที่อาศัยการแรงสะท้อนจากการสั่นสะเทือนของอนุภาคไมนอฟสกี้เป็นแรงขับดัน ทำให้ได้แรงขับเคลื่อนที่มีกำลังสูงกว่าการใช้เครื่องยนต์แบบเชื้อเพลงเคมี แต่ติดปัญหาตรงที่ถ้าไม่ใช่เตาปฎิกรณ์นิวเครียร์ฟิวชั่น ก็จะไม่สามารถทำให้อนุภาคไมนอฟสกี้สร้างความร้อนได้มากพอที่จะเป็นแรงขับดันได้ ด้วยข้อจำกัดทางเทคนิคและค่าใช้จ่าย ทำให้การนำวิทยาการณ์นี้มาใช้กับโมบิลสูทไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร คซี กันดั้มของฮาธาเวย์เองก็เลือกที่จะไมนอฟสกี้คราฟท์ และแม้จะคาดไว้แล้วว่ากองทัพก็กำลังวิจัยเพื่อนำมันมาใช้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ฮาธาเวย์ช๊อคกับเรื่องนี้มาก
แนะนำกันพลา HGUC 1/144 RX-104FF Penelope Gundam เป็นกันพลาตัวของซี่รี่ย์ฮาธาเวย์ที่วางขาย (ไม่นับ Gustav Karl ที่วางขายเป็นเวอร์ชั่นยูนิคอนร์) เป็นโมบิวสูทตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี ไมนอฟสกี้คราฟ ทำให้สามารถบินได้อย่างอิสระในชั้นบรรยากาศโลก แต่เพราะระบบไมนอฟสกี้คราฟนี้เอง ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่กว่าหุ่นรุ่นก่อนๆ ในจักรวาล U.C. เป็นอย่างมาก RX-104FF Penelope เป็นหัวหอกสำคัญของหน่วยคีเคย์ที่ใช้ต่อกรกับมัฟตี้
การหลบหนีของ เกาแมน โนบิล
เหนือน่านฟ้าของดาเวา Messer-2 ของเกาแมนยังไม่สามาถหลบหนีออกไปได้ หลังจากที่โจมตีซาดายโฮเทล เกาแมนก็ล่าถอยออกไปทางทะเล แต่ถูก FD-03 Gustav Karl (กุสตาฟ คาร์ล) 4 เครื่องเข้าโจมตีสกัด เกาแมนพยายามทะยานขึ้นเพื่อหาช่องทางหลบหนี แต่การโจมตีสกัดของ Gustav Karl ทำให้ไม่สามารถนำเครื่องขึ้นไปได้สูงพอจะหลบหนี เกาแมนจึงนำเครื่องร่อนลงแบบซิกแซกเพื่อหลบการโจมตี พลางใช้ Beam Rifle ยิงตอบโต้ในสภาพกำลังร่อนลงนั้นเอง
แนะนำกันพลา HGUC 1/144 FD-03 Gustav Karl [Unicorn Ver.] เป็นโมบิลสูทหลักที่ประจำการอยู่ในหน่วยคิมเบอลี่ย์ ถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่สมรรถนะพื้นฐานก็ไม่ได้น้อยหน้ากันดั้มไทป์ ในเวอร์ชั่นนิยายและ อนิเมะ ดีไซด์ค่อนข้างจะแตกต่างกันมากทีเดียว เดิมที กุสตาร์ฟ คาร์ล จะปรากฏตัวในภาคนิยายของฮาธาเวย์ แต่ในจักรวาลอนิเม กูสตาร์ฟ คาร์ล ปรากฎตัวใน Gundam Unicorn และ Mobile Suit Gundam Narrative มาก่อนจึงมี ดีไซด์ที่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดไปหลายเวอร์ชั่น
ใช้เมืองเป็นกำแพง
ในสถานการณ์ที่ถูกล้อมแบบนี้ การใช้ Beam Rifle แบบไม่บันยะบันยังเป็นเรื่องไม่ควรทำ เพราะพลังงานของตัวปืนต่อตรงเข้ากับเมนเจเนเรเตอร์ของโมบิวสูทถ้าใช้แบบไม่ยั้งคิดพลังงานจะหมดลงท่ามกลางวงล้อมศัตรู ขณะกำลังร่อนลงเกาแมนตัดสินใจหันหลังให้เมือง ใช้เมืองด้านล่างเป็นกำแพงเพื่อให้ Gustav Karl หยุดโจมตีด้วย Missile และ Beam Rifle พอลงถึงพื้นแล้วก็วัดกันด้วยการตะลุมบอนด้วย Beam Saber และ Vulcan
ไม่คาดคิด
สิ่งที่เกาแมนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น Gustav Karl ทั้ง 4 เครื่องไม่สนใจเมืองที่อยู่ด้านหลัง แล้วกระน่ำยิ่งมิสไซล์เข้าใส่ Messer-2
“พวกแกเป็นบ้ากันไปหมดแล้วรึไง” เกาแมนสบถเสียงดัง
เขาเร่งเทลนอซเซิ่ลเพื่อหลบการโจมตี เกาแมนหันไปมองที่เมืองด้านหลัง มิสไซด์ที่ Gustav Karl ใช้ ไม่ใช่แบบนำวิถี เมื่อมันยิงไม่ถูกเป้าหมาย ห่าฝนมิสไซด์จึงตกลงสู่ตัวเมืองดาเวา เกิดการระเบิดไปทั่วทั้งเมือง ปกติหน่วยของคิมเบอลี่ย์ไม่เคยทำอะไรบ้าบิ่นอย่างการโจมตีใส่เขตเมืองแบบนี้ แต่ทว่าตอนนี้ คนที่กุมบังเหี้ยนสั่งการ คือ เคเนธ เสลก นายทหารผู้เข้มงวดและเด็ดขาด การมาถึงของเขาทำให้หน่วยคิมเบอลี่ย์ที่ปวกเปียกเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าภายในชั่วข้ามคืน
Penelope บินเฉี่ยว Messer-2
ทันใดนั้นก็ปรากฏเงาของศัตรูตัวใหม่ มันบินเฉี่ยว Messer-2 ไป จนเสียหลัก แล้วมันก็หันลำกลับพร้อมสาดกระสุน Vulcan ใส่ Messer-2 อย่างหนัก ห้องนักบินของ Messer-2 สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เกาแมนเห็นดังนั้นจึงเร่งเครื่องเพื่อลงถึงพื้นให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่วายถูก Gustav Karl อีก 2 เครื่องไล่ต้อนจนไม่สามารถลงถึงพื้นได้สะดวกอย่างใจนึก
เอเมอรันดา ซูบิน ปรากฏตัว
ท่ามกลางความโกลาหล มีคนๆ หนึ่งเฝ้ารอการมาของฮาธาเวย์อย่างใจจดใจจ่อ คนๆ นั้นคือ เอเมอรันดา ซูบิน สายลับของมัฟตี้อละเป็นผู้นำทางในแผนครั้งนี้ ตัวเอเมอรันด้าเองเป็นนักบินที่ไม่ผ่านการทดสอบของมัฟตี้ เธอจึงทำงานเป็นสายลับของมัฟตี้อยู่
แต่ เอเมอรันดา ซูบิน เองก็ต้องแปลกใจ เมื่อฮาธาเวย์พุ่งออกมาจากโรงแรมนั้น กลับวิ่งสวนไปอีกทางหนึ่ง พร้อมกับหอบเด็กสาวที่กำลังหวาดกลัวติดตัวไปด้วย เอเมอรันด้าลงจากรถแล้ววิ่งตามฮาธาเวย์ไป แต่ยังไม่ทันถึงตัวฮาธาเวย์ก็เกิดเสียงดังสนั่นจากด้านบน เมื่อเงยขึ้นมองก็พบ Messer-2 ของเกาแมนที่กำลังถูก กุสตาร์ฟ คาร์ล 2 เครื่องต้อนจนร่วงลงมา ด้านบนเหนือขึ้นไปยังมีโมบิลสูทขนาดใหญ่ลอยตัวคุมเชิงอยู่กลางอากาศ เอเมอรันดา ซูบิน ตามมาจนทันฮาธาเวย์ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร
Gustav Karl (กุสตาฟ คาร์ล) ไม่สนใจความผิดพลาด
การโจมตีของ Gustav Karl ที่ไล่ต้อนเกาแมน ได้พลาดเป้าหมายลงมายังอาคารและถนนลาดยาง แสงจากการระเบิดสว่างไปทั่ว เศษยางมะตอยปลิวกระเด็นไปทั่วทุกทิศทาง ฮาธาเวย์โอบกิกิไว้ในอ้อมแขนแล้วเอาหลังตัวเองรับเศษยางมะตอยเพื่อปกป้องกิกิ ภาพที่ฮาธาเวย์เห็น คือแผ่นหลังของเด็กสาวที่สั่นเทาเพราะความกลัว มีอาการหอบเหมือนกับหายใจไม่ทัน แต่แผ่นหลังนั้นก็แลดูน่าโอบกอดและทะนุทะนอม ฮาธาเวย์พยายามดึงสติกลับมา พลางคิดในใจว่ากำลังหน้าสิ่วหน้าขวานยังจะอารมณ์มาหงี่อีกเรอะ
หลบในสวนสาธารณะ
ว่าแล้วฮาธาเวย์ก็ประคองกิกิวิ่งออกจากจุดดังกล่าว ในตอนนั้นเอเมอรันด้าก็มาทะแทกไหล่ฮาธาเวย์จากด้านหลัง พลางตะโกนให้เข้าไปหลบในสวนสาธารณะ
“เก็บศัตรูมาด้วยนะ หลายๆ อย่างเลย” ฮาธาเวย์พยายามอธิบายกับเอเมอรันด้า
“ทั้งบนทั้งล่างเลยเหรอ” เอเมอรันดาเอ่ยถามฮาธาเวย์ และได้รับคำตอบเป็นสายตาของฮาธาเวย์ที่บอกว่า กิกิ นั่นแหละ
เอเมอรันด้ายอมรับว่า เด็กคนนี้มีความหมายอะไรบางอย่างต่อฮาธาเวย์ ก่อนหน้านี้มิเฮชเซอร์ก็ได้แจ้งแล้วว่า ฮาธาเวย์กำลังพัวพันกับความวุ่นวายบางอย่าง และเห็นได้ชัดว่าคือเด็กสาวคนนี้ แต่ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรกันต่อ Messer-2 ของเกาแมนก็ถูกกระแทกจนตกลงไปพิงกับตึกไกล้สวนสาธารณะ เศษกระจกและซีแมนต์ที่แตกออกปลิวว่อนไปทั่ว ในอีกชั่วอีดใจ Gustav Karl เครื่องหนึ่งก็แตะพื้นห่างจาก Messer-2 ประมาณ 10 เมตร พลางยิง Beam Rifle ใส่เป้าหมาย เกิดแสงสว่างวาบไปทั่วบริเวณตามมาด้วยไอร้อนจากอนุภาคลำแสงที่เผาไหม้อากาศยามเช้าเป็นเส้นตรงข้ามหัวพวกฮาธาเวย์ไป กิกิยืนกอดกระเป๋าตัวแข็งกรีดร้องไม่เป็นภาษา
วิ่งไปหลบหลังตึก
ฮาธาเวย์คว้าเอวกิกิได้ก็พาวิ่งไปหลบหลังตึกที่มีกำแพงหน้าทางซ้าย พอเข้ามาอยู่หลังกำแพง กิกิก็ทรุดตัวลง น้ำตาร่วงพล่อย เธอร้องให้ราวกับเด็กทารก
“เฮ้ ! เอเมอรันด้า ทิ้งเด็กนี้เลยดีมั้ย” ฮาธาเวย์ตะโกนคำพูดนี้อยู่ในใจ
แต่เมื่อมองเห็นสภาพของเด็กสาว ฮาธาเวย์กลับไม่สามารถปล่อยมือจากเธอได้ แต่ถ้าตัวเขาไม่ทิ้งกิกิไว้ตรงนี้ แผนการครั้งนี้จะสูญเปล่า
“เรื่องมันง่ายๆ แค่วิ่งไปทางเอเมอรันด้าเท่านั้น” ฮาธาเวย์พยายามสลัดความลังเลที่มีอยู่ทิ้งไป
แต่ทว่าเป็นมือของฮาธาเวย์เองที่สั่นเทา เพราะกลัวที่จะต้องปฎิเสธเยื่อใยและทิ้งกิกิไว้เพียงลำพัง
“เควส ช่วยฉันด้วย” ท่ามกลางความสับสนและลังเลฮาธาเวย์เอ่ยชื่อที่เขาคุ้นเคยออกมา
ในขณะที่ฮาธาเวย์ยังตัดความลังเลไม่ขาด Gustav Karl อีกเครื่องหนึ่งก็ลงจอดบนดานฟ้าตึกที่ฮาธาเวย์หลบอยู่
เกาแมน โนบิล เสียท่า
แน่นอนว่าตัวอาคารไม่สามารถรับน้ำหนักโมบิลสูทได้ เสาและกำแพงเริ่มแตกร้าว ฮาธาเวย์คว้าตัวกิกิแล้วออกวิ่งอีกครั้ง ไม่กี่อึดใจหลังจากฮาธาเวย์ออกไป ตึกก็ถล่มลงมา พาให้ Gustav Karl เครื่องนั้นเสียหลักไถลลงมาด้วย
ฮาธาเวย์และกิกิ กระเสือกกระสนออกมาจากตึกสำเร็จ แต่ตอนนี้ฮาธาเวย์มองไม่เห็น เอเมอรันด้าแล้ว พอพยามมองหา ก็ได้ยินเสียง
“วูมมมมมมมมม” ดังขึ้น
เสียง Beam Saber ของ Messer-2 และ Gustav Karl ทั้งสองเครื่องปะืะกันด้วย Beam Saber ประกายไฟจากการปะทะกันได้แพร่กระจายแผดเผาต้นไม้โดยรอบ อากาศเต็มไปด้วยประจุอิอ้อนและไอร้อน ประกายแสงของมันได้แผดเผาทุกอย่างที่มันตกกระทบ
“วิ่งซิ วิ่งเข้าเซ่!” ฮาธาเวย์ แหกปากลั่น
พลางฉวยมือกิกิวิ่งไปยังตึกที่ไกล้ที่สุดโดยไม่สนว่าจะลากเธอไปกับพื้นรึเปล่า พอถึงกำแพงของอีกตึกหนึ่ง ฮาธาเวย์ดึงกิกิเข้ามากอดไว้แน่น ในสายตาของฮาธาเวย์ มองเห็น Gustav Karl อีกเครื่องเข้าประชิดเกาแมนจากด้านหลัง แล้วแทง Beam Saber เข้าไปที่ Messer-2 เกราะถูกหลอมละลาย ท่อส่งพลังงานถูกเล่นงาน
เกาแมน โนบิล ถูกจับกุม
ทันใดนั้นโมบิลสูทบินได้เครื่องนั้นก็บินตรงมาแล้วแตะเข้าอย่างจังที่ส่วนหัวของ Messer-2 จนเซไม่เป็นท่า โมบิลสูทเครื่องอื่นๆ ตีวงเข้าล้อม เกาแมน โนบิล ไม่สามารถหลบหนีออกจากาเวาได้อีกแล้ว ในขณะนั้นเอง เอเมอรันด้าก็โผล่มาจากด้านหลังของฮาธาเวย์ พลางซุกกระดาษโน้ตใบหนึ่งลงในกระเป่าของฮาธาเวย์ แล้วจากไป ฮาธาเวย์ หยิบขึ้นมาอ่านแล้วทำลายทิ้งทันที
“เนเจน งั้นรึ” ฮาธาเวย์เอ่ยข้อความในกระดาษขึ้นเบาๆ
“มันจบแล้วละกิกิ การต่อสู้จบลงแล้ว” ฮาธาเวย์ทำได้แค่โอบกอดกิกิไว้ และมองดูเพื่อร่วมอุดมการของเขาถูกจับกุม
การต่อสู้จบลง
ไม่นานหลังจากการต่อสู้จบลง เบสเจบเบอร์ของหน่วยคิมเบอลี่ย์ก็ลงจอดตรงจุดเกิดเหตุ เกาแมนถูกควบคุมตัว คนที่บัญชาการอยู่บนนั้นคือ พันเอก เคเนธ สเลก ผู้บัญชาการคนใหม่
“ฮาธาเวย์ กิกิ ปลอดภัยรึเปล่า” เคเนธเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ผู้พัน! น่ากลัวมากเลย กลัวมากๆ เลย” กิกิพุ่งไปกอดเคเนธปล่อยให้เสื้อแจ็คเก็ตของฮาธาเวย์ที่คลุมตัวเธอไว้ร่วงลงกับพื้น
“เข้าไปอยู่ในห้องนักบินของเบสเจบเบอร์สิ ในนั้นอุ่นนะ” เคเนธให้กิกิเข้าไปอยู่ในห้องนักบินก่อนพลางให้ลูกน้องจัดแจงตามที่สั่ง
ฮาธาเวย์ก้มเก็บแจ็คเก็ตแล้วเดินเข้าไปคุยกับเคเนธโดยพยายามเก็บอาการและทำตัวเป็นปกติให้มากที่สุด
“นี่เหรอ โมบิลสูท ของมัฟตี้ แต่ไอ้ที่ใหญ่ๆ นั่นสุดยอดเลยนะ เตะมัฟตี้กระเด็นเลย” ฮาธาเวย์หาเรื่องคุยกับเคเนธ
“โมบิลสูทรุ่นใหม่ Penelope นะ ถูกส่งมาประจำการที่นี่ก่อนที่ฉันจะมารับตำแหน่ง แต่ เรน เอม ไม่ได้ดึงประสิทธิภาพของโมบิวสูทออกมาใช้เลย เหมือนฉันจะประเมินเขาสูงเกินไป” เคเนธเอ่ยขึ้นมาเหมือนไม่ค่อยพอใจกับผลงานของ Penelope ในศึกนี้
“มันลำบากนะ กว่าจะขนโมบิลสูทลงมาที่นี่ กว่าจะเรียบร้อย ฉันต้องเดินเรื่องเซ็นเอกสารทั้งที่ดวงจันทร์ทั้งโคโลนี่ ไปตั้งหลายสิบแผ่น” เคเนธตัดพ้อถึงความลำบากในการขนย้าย Penelope
“ตรงจุดนี้ เหมือนมัฟตี้จะสบายกว่านะ” ฮาธาเวย์แซะแบบเนียนๆ
“นั้นสินะ ต้องจับมาเค้นถามวิธีขนส่งโมบิลสูทหน่อยแล้ว แล้วก็พวกคนในหน่วยคิมเบอลี่ย์ก็เหมือนกัน ต้องจับมาฝึกใหม่ให้หมด ไอ้พวกที่โตมากับการทำงานนั่งโต๊ะนี่ เรื่องพรสวรรค์ในการทำให้กองทัพอ่อนแอลงละก็ จัดว่าชั้นหนึ่งเลยละ” เคเนธไม่สบอารมณ์เมื่อเอ่ยถึงคิมเบอลี่ย์ตามเคย
“พันเอกครับ เอายังไงดีครับ” วิทยุสื่อสารที่ข้อมือของเคเนธดังขี้น
“เอาอะไร!” เคเนธตวาดเสียงแข็งใส่วิทยุ
“เชลยครับ จะให้ทางนี้คุมตัวไปไหมคับ” ปลายสายตอบกลับมา
“ปัญญาอ่อนรึไง พามาที่นี่ ฉันจะนำตัวไปเอง” เคเนธตวาดใส่เป็นรอบที่สอง
“ขนโมบิลสูทของมัฟตี้ไปด้วย ปิดถนนจนกว่าจะเรียบร้อย เรียกรถยกมาก็ได้ ไปจัดการซะ” เคเนธคำรามใส่วิทยุสื่อสารที่ข้อมืออย่างชัดถ้อยชัดคำและเด็ดขาด
ฮาธาเวย์ได้แต่คิดในใจ ถ้าชายคนนี้กุมบังเหี้ยนหน่วยคิมเบอลี่ย์ การเคลื่อนไหวของมัฟตี้ต่อจากนี้ต้องยุ่งยากขึ้นแน่ๆ
ฮาธาเวย์เดินขึ้นมาในเบสเจบเบอร์ ก็พบกับกิกินั่งดื่มกาแฟอยู่ กิกิเรียกให้ฮาธาเวย์นั่งลงข้างๆและส่งแก้วกาแฟในมือให้ ฮาธาเวย์จิบกาแฟอุ่นๆแล้วรู้สึกโล่งใจอย่างปะหลาด กิกิเองก็ทนความเหนื่อยล้าไม่ไหว ก็ผล่อยหลับมาพิงกับฮาธาเวย์
ฐานทัพของหน่วยคิมเบอลี่ย์
ใช้เวลาไม่นานนักเบสเจบเบอร์ก็มาถึงฐานทัพของหน่วยคิมเบอลี่ย์ ฮาธาเวย์มองดูจากบนอากาศก็พบว่า มีโรงเก็บเครื่องบินใหม่เพิ่มขึ้นมา และไม่ได้อยู่ในข้อมูลที่มัฟตี้สำรวจเมื่อเดือนก่อน ทำให้มันไม่ได้ถูกโจมตีเสียหาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เคเนธเป็นคนสั่งการให้มีการเสริมความแข็งแกร่งของฐานทัพตั่งแต่ก่อนที่เขาจะลงมาประจำการ เหมือนกันกับการส่ง Penelope ลงมา
“ทางนี้พยายามดิ้นรนแทบเป็นแทบตาย กว่าจะได้กันดั้มมาสักเครื่องหนึ่ง แต่กลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ สวรรค์แกล้งกันรึไงนะ” ฮาธาเวย์ได้แต่คิดในใจ
ความชื่อเรื่องสวรรค์ก็คงได้รับมาจากแม่ที่เป็นชาวญี่ปุ่น
เมื่อเบสเจบเบอร์ลงจอดเรียบร้อย ฮาธาเวย์ก็พากิกิลงมาก่อน แล้วก็ตามมาด้วยนายทหารที่ควบคุมตัวเกาแมนลงบันไดมา แต่เกาแมนถูกใส่กุญแจมือไขว้หลังไว้ทำให้เสียการทรงตัว ล้มลงตรงกลางบันไดและกลิ้งลงมาถึงพื้น ฮาธาเวย์ด้วยความลืมตัวจึงพุ่งเข้าไปประคองเกาแมน
“เป็นอะไรมั้ย” ฮาธาเวย์เอ่ยถามเกาแมนพร้อมหันกลับไปตวาดใส่พวกทหาร
“อย่าใช้ความรุนแรงสิ” เหล่าทหารที่ควบคุมตัวเกาแมนชักสีหน้าใส่ทันที
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนธรรมดาจะสอดปากมายุ่มย่ามได้นะ ดูเหมือนคนที่เสนอตัวมาชื่นชมกับต้นไม้ จะไม่เข้าใจสินะ ว่าผู้คนมองมัฟตี้ยังไง เคเนธพูดพร้อมเดินลงบันไดตามมา
“รู้สิ หมอนี่คือคนที่ระเบิดโรงแรมที่ผมพักใช่มั้ยละ” ฮาธาเวย์พยุงเกาแมนให้ลุกขึ้น
“ฮาธาเวย์ เพราะเห็นนายเป็นพวกพ้องที่ผ่านเหตุการณ์บนฮาเซนมาด้วยกันหรอกนะ ฉันถึงได้ใจดีด้วย แต่ถ้ายังไม่ฟังทีฉันพูดอีก ฉันจะไล่นายออกไปละนะ” เคเนธปัดมือฮาธาเวย์ที่พยุงเกาแมนออก พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวกว่าทุกที น้ำเสียงที่แฝงความเป็นศัตรู
“ขอโทษ แต่การใช้ความรุนแรงมันไม่ถูกนะ” ฮาธาเวย์กล่าวพร้อมครั้นคร้ามในใจ คนๆนี้ขีดเส้นแบ่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกชัดเจน เป็นคนที่รับมือยาก
หลังจากขนย้ายเกาแมนเสร็จ เคเนธก็เรียกรถมารับ ฮาธาเวย์และกิกิ แต่ยังไมทันได้ออกรถก็ได้ยินเสียงเครื่องยนอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น
“อ่อ! รอกันแป๊บหนึ่งนะ” เคเนธหันมาคุยกับผู้โดยสาร
“เรน รถคันข้างหน้าเบสเจบเบอร์ ลงมา” เคเนธตวาดใส่วิทยุที่ข้อมือ
นักบินของ Penelope (เพเนโรเป)
ครู่เดียว Penelope ก็ลงจอดที่หน้าโรงเก็บ ประตูห้องนักบินเปิดออก นักบินหนุ่มผมสีน้ำตาลค่อยๆ ใช้สลิงโรยตัวลงมา แล้ววิ่งมาทำความเคารพเคเนธ
“โมบิลสูทของศัตรูให้คิดว่าเป็นกันดั้มทุกตัว แค่ถีบทีเดียวจะทำให้หมดกำลังใจสู้ได้ยังไง ทำไมไม่เผด็จศึกให้เด็ดขาด ครั้งนี้ศัตรูกระจอกก็ดีไป แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก ฉันจะถอด Penelope คืน” เคเนธตวาดใส่เรน เพราะไม่พอใจกับผลงานการรบ
“ครับ” นักบินหนุ่มตอบรับอย่างมั่นใจ ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานด้านบวก
“ไปได้ ดูแล Penelope ให้ดีด้วย” เคเนธสั่งให้เรนเอมกลับไปยัง Penelope
“เป็นนักบินฝึกหัดที่ดี แต่ยังเป็นทหารที่ไม่ได้เรื่อง” เคเนธหันมาพูดกับฮาธาเวย์
“หมอนั่นเหมือนกับผมสมัยก่อนนะ ตอนที่ขโมยโมบิลสูท ของกองทัพ ตอนนั้นผมผยอง มั่นใจในตัวเองมากไปว่าแค่บังคับโมบิวสูทของแค่นี้ก็ทำได้” ฮาธาเวย์พูดและแอบขำแห้งๆ แล้วรถก็วิ่งไปยังอาคารของฐานทัพ
สรุปเหตุการณ์ EP.3
กองกำลังมัฟตี้ได้เข้าจู่โจมโรงแรมที่พักของเหล่าบรรดารัฐมนตี นำทีมโดย กาแมน โนบิล นักบินประจำเครื่องของ Messer-2 ทำให้ ฮาธาเวย์และกิกิ ต้องรีบหนีตายออกจากโรงแรม ในขณะที่เกาแมน โนบิล โดน กุสตาฟ คาร์ล เครื่องเข้าโจมตีสกัดหวังใช้เมืองเป็นกำแพงกันแต่ไม่เป็นผลยังคงโจมตีใส่อย่างต่อเนื่อง ทางด้านของ ฮาธาเวย์และกิกิ ได้หนีเข้าไปในสวนสาธารณะก่อนที่จะวิ่งไปหลบหลังตึก พลันได้ยินเสียงเอเมอรันด้าขอกให้ทิ้งกิกิซะ แต่ไม่สนใจ จนกระทั้งกุสตาฟ คาร์ลลงจอดที่ด่านฟ้าตึกที่หลบอยู่ทำให้ตึกพังลงมา ทางด้านเกาแมนก็เสียท่าโดน กุสตาฟ คาร์ล ฟันโมบิวสูทจากด้านหลังขาด 2 ท่อน ก่อนที่จะโดนจับตัวไป เหตุการณ์จบลงที่ ฮาธาเวย์และกิกิ ถูกพาตัวมายังฐานทัพของหน่วยคิมเบอลี่ย์ และได้เจอกับนักบินของ Penelope (เพเนโรเป) เรน เอม ก็จบลงไปแล้วนะครับสำหรับการสรุปนิยาย EP.3 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ใน EP หน้านี้ ก็จะเป็นช่วงสุดท้ายของนิยายเล่มที่ 1 แล้ว ไม่แน่ใจว่าจะลงทันก่อนที่อนิเมจะเข้าเน็ตฟลิกมั้ย แต่จะพยายามครับ ใน EP หน้านี้ คซีจะปรากฏตัว และ การต่อสู้ยกแรก ของโมบิลสูทที่ใช้วิทยาการไมนอฟสกีคราร์ฟจะเริ่มต้นขึ้น ทุกท่านโปรดติดตามรับชม Gunpla Story ด้วยนะครับ ในวันนี้กระผมขอลากไปก่อน สวัสดีครับ
เนื้อเรื่อง Mobile Suit Gundam Hathaway’s Flash ตอนอื่นๆ
ฟัง Podcast Mobile Suit Gundam Hathaway’s Flash
เพลงประกอบของ Mobile Suit Gundam Hathaway
เพลงประกอบของ Mobile Suit Gundam Hathaway เป็น Animation MV นะครับ ขับร้องโดยวง Alexandros ลองติดตามฟังกันดู อีกไม่นานเกินรอ เราจะได้ดูอนิเมชั่นกันจริงๆ แล้วนะครับ
ช่องทางการติดต่อ
สามารถติดต่อผมได้ที่ Facbook Gunpla Story นะครับ
ไม่พลาดบทความใหม่ๆของเรา สมัครสมาชิกรับข่าวสารฟรี ที่นี่ครับ