กราบสวัสดีท่านพ่อแม่พี่น้องเพื่อนรักนักต่อโมทุกท่าน กระผม นาย Gold Saint ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ Gunpla Story เพราะกันพลานี้ล้วนมีเรื่องราว ในวันนี้จะแตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะผมไม่ได้นำเอาโมเก่านอนกล่องมารีวิว แต่จะขอมานำเสนอเนื้อหาและราวเรื่องราวของสงครามอันแสนยาวนานในจักรวาล U.C. ที่ย่อมาจาก Universal Century (ศักราชอวกาศ) นั่นเอง

เริ่มต้นด้วยความบ้าคลั่ง ดำเนินไปบนความสูญเสีย และจบลงด้วยความพินาศ นี่คือผลตอบแทนที่มนุษย์จะได้รับ จากสิ่งที่เรียกว่า สงคราม

End War  Universal Century 0153 (U.C. 0153)
End War Universal Century 0153 (U.C. 0153)

หัวข้อในการเขียนครั้งนี้ได้ไอเดียหลังจากได้ชมผลงานที่ชื่อว่า End War U.C. 0153 ของคุณ Pongheartart Kittipong เจ้าของเพจ กันพลาบ้านๆ -Normal gunpla (ทั้งเทคนิคทั้งฝีมือผมว่าไม่บ้านนะ เหนือชั้นกว่ากระผมราวเขตอวกาศชั้นนอกกับแกนโลกเลยทีเดียว 5555)

ซึ่งแนวคิดของผลงานชิ้นนี้คือ อนุสรณ์สิ้นสุดสงคราม โดยจำลองซาก RX-78-2 Gundam ที่ผ่านศึกสงครามจนชำรุดทรุดโทรมเป็นแกนกลางของเรื่องราว ร่องรอยความเสียหายที่สื่อถึงความรุนแรงของสงคราม ต้นไม้ที่เติบโตขึ้นบนเศษซากของ RX7-8-2 Gundam สื่อถึงกาลเวลาที่ผ่านมายาวนาน ดอกไม้ที่เบ่งบานนั้นสื่อถึงความรักและสันติภาพ สัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของสงคราม และเหล่าผู้ที่เหลือรอดกลับมายังอนุสรณ์เพื่อรำลึกถึงผู้จากไป

“เราจะรู้ว่าสันติภาพนั้นมีค่ามากเพียงไร ก็ต่อเมื่อเราเข้าใจว่าสงครามมันเลวร้ายมากขนาดไหน”

ดังนั้นเพื่อที่เราจะได้เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของผลงานที่ต้องการจะสื่อออกมา ผมจึงจะขอพาทุกท่านสู่เรื่องราวของสงคามแห่งยุคอวกาศ ณ บัดนี้

Chapter 1 The One Year War

นับแต่สงครามเปิดฉากขึ้นใน ปี U.C. 0079 จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามในปี U.C. 0153 เป็นระยะเวลาราว 74 ปี ที่มนุษยชาติต้องเผชิญหน้ากันเองเพราะความขัดแย้ง และผลที่ตามมาคือสงครามและการสู้รบหลายต่อหลายครั้ง โดยมีเหตุการณ์สำคัญดังนี้

  • The One Year War (สงคราม 1 ปี) U.C.0079
  • การประกาศสงครามของ เดลัส ฟรีด U.C.0083
  • Gryps War (สงครามกริปส์) U.C. 0087
  • First Neo Zeon War (สงครามนีโอซีออนครั้งที่ 1 สงครามแอ็กซิส) U.C.0088
  • Second Neo Zeon War (สงคราม นีโอซีออนครั้งที่2 การก่อจลาจลของชาร์) U.C.0093
  • สงครามลาพลัส U.C.0096
  • สงครามคอสโม่บาบิโลเนีย U.C.0123
  • จักรวรรดิดาวพฤหัสรุกรานครั้งที่1 U.C.0133
  • จักรวรรดิกาวพฤหัสรุกรานครั้งที่2 U.C.0136
  • สงครามจักรวรรดิซันสการ์ U.C.0153

ถ้าจะให้กล่าวถึงเหตุการณ์สู้รบทั้งหมดในคราวเดียว เนื้อหาก็คงจะยาวเกินไปมาก ดังนั้นในครั้งนี้ผมจึงจะขอกล่างถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด สงครามครั้งแรกระหว่าง สหพันธ์โลก และ จักรวรรดิซีอ้อน จุดสิ้นสุดของการพูดคุยและเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายล้าง สงคราม 1 ปี (The One Year War)

Mobile Suit Gundam 0079
Mobile Suit Gundam 0079

Universal Century 0050

ขอท้าวความย้อนไปในปี U.C.0050 ประชากรมนุษยชาติในเวลานั้นมีจำนวนราวหนึ่งหมื่นล้านคน ซึ่งประชากรกว่า 90% ของมนุษยชาติหรือกว่าเก้าพันล้านคนเป็นชาวโคโลนี่ ที่รู้จักกันในนาม สเปซดนอยด์ และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าชาวสเปดนอยด์กลับไม่มีสิทธ์ในการปกครองตนเอง ถึงแม้จะมีองค์กรบริหารและปกครองส่วท้องถิ่นเป็นของตนเอง แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งและนโยบายของรัฐบาลโลก ซึ่งไม่อนุญาตให้ชาวสเปซดนอยด์ มีสิทธ์เข้าร่วมในรัฐสภาของสหพันธ์โลก เป็นเรื่องตลกร้ายที่คนที่มีอำนาจบริหารจัดการอวกาศ กลับกลายเป็นคนที่ไม่ได้อยู่บนอวกาศ แน่นอนว่านักการเมืองและชนชั้นปกครองที่อยู่บนโลกไม่มีทางเข้าใจถึงปัญหา ความต้องการ ความจำเป็น และความยากลำบากของคนบนอวกาศ และที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือรู้แต่ทำเป็นไม่รู้ ในทางกลับกันสแปซนอยด์ที่รู้และเข้าใจบัญหาดี กลับถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมสภา แถมยังถูกกดดันด้วยนโยบายการปกครองที่เข้มงวดและเอาเปรียบ มันคือความเลวร้ายของระบอบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เต็มไปด้วยเหล่านักการเมืองที่จ้องแต่จะรักษาผลประโยชน์ของตน เพราะโลกในเวลานั้นไม่สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง โลกต้องพึ่งพา ทั้งพลังงานและระบบเศรษฐกิจของโคโลนี่ เพื่ออยู่รอด ถ้าปล่อยให้ชาวสแปซดนอยด์เข้ามามีส่วนร่วมในสภา ผลประโยชน์และความมั่นคงของตนจะสั่นคลอน รัฐบาลและกองทัพโลกจึงได้ดำเนินนโยบายปกครองชาวอวกาศอย่างแข็งกร้าวมาโดยตลอด ก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ชาวสเปซดนอยด์เรื่อยมา

ซีออน ซอม ไดคุน

และมันยิ่งเด่นชัดขึ้น เมื่อ ซีออน ซอม ไดคุน ได้เผยแพร่แนวความคิดที่ว่า ชาวอวกาศควรมีสิทธิ์ในการปกครองตนเอง และในปี U.C.0053 ซีออน ซอม ไดคุน ได้ประกาศจัดตั้งการปกครองตนเองในรูปแบบสาธารณรัฐ ที่โคโลนี่ไซด์ 3 อันเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองตนเองและกองกำลังซีออน และแน่นอนว่าการที่ไซด์ 3 ประกาศตนเป็นสาธารณรัฐเช่นนี้ สหพันธ์โลกย่อมไม่พอใจอย่างแน่นอน ทางสหพันธ์โลกเองก็ได้จัดตั้งกองกำลังไว้เพื่อจับตาดูและคอยแทรงแซงการเมือนภายในไซด์ 3 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกองพัพโลกภาคพื้นอวกาศในเวลาต่อมา

เหตุการณ์ลอบสังหาร ซีออน ซ่อม ไดคุณ

Universal Century 0068

ในปี U.C.0068 ซีออน ซอม ไดคุน ถูกลอบสังหารในระหว่างการปราศัยเพื่อประกาศเอกราช ปลดแอกไซด์ 3 จากการปกครองของสหพันธ์โลก การที่ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวสเปซดนอยด์ เสียชีวิตอย่างกะทันหันและมีเงื่อนงำ ส่งผลให้เกิดความโกลาหล สับสน และโกรธแค้นในหมู่ชาวซีออนเป็นอย่างมาก และสุดท้ายหวยก็ไปออกที่สหพันธ์โลก ชาวซีออนต่างเชื่อว่า สหพันธ์โลกอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้

เดกิน ซาบี้

หลังจากไดคุน เสียชีวิต เดกิน ซาบี้ ขึ้นมามีอำนาจแทนที่ การลอบสังหารไดคุนที่จริงแล้วเป็นแผนการของตระกูลซาบี้ และได้กวาดล้างเหล่าคนสนิทและผู้ภัคดีต่อไดคุน และประกาศเอกราชให้ไซด์3เป็นอาณาเขตของ ซีออน พร้อมทั้งดำเนินนโยบายชาตินิยมและพัฒนากองทัพอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านกำลังพล และวิทยาการทางการทหาร จนกองทัพซีออนมีขีดความสามารถที่สูงกว่ากองทัพสหพันธ์

กองทัพซีออน

เริ่มต้นสงคราม Universal Century 0079

สงครามหนึ่งปี เริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม U.C. 0079 และจบลงในวันที่ 1 มกราคม U.C.0080 กินระยะเวลาสู้รบ 1 ปี นี่จึงเป็นที่มาของชื่อสงครามหนึ่งปี โดยมีคู่กรณีหลัก 2 ฝ่ายคือ สหพันธ์โลก และ จักรวรรดิซีอ้อน แต่ถึงแม้จะบอกว่า สงครามเปิดฉากในวันที่ 1 มกราคม U.C. 0079 โดยการประกาศเอกราชของจักรวรรดิซีอ้อนที่โคโลนี่ ไซด์ 3 แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีความขัดแย้งคุกรุ่นเกิดขึ้นและฝังรากลึกมาเป็นเวลายาวนาน ใจกลางของความขัดแย้งก็หนีไม่พ้นเรื่องเอกราชและสิทธ์ในการมีอำนาจในการปกครองตนเองของชาวอวกาศ หรือ สเปดนอยด์

สเปซโคโลนี่

จักรวรรดิซีออนได้ประกาศสงครามกับรัฐบาลสหพันธ์โลก โดยอ้างเหตุผลที่ว่า อวกาศควรเป็นของสแปซด์นอยด์ นี่คือการต่อสู้เพื่ออิสรภาพและเอกราชของเหล่าผู้อยู่อาศัยบนอวกาศ เปิดฉากสงคราม 1 ปีอย่างเป็นทางการ

แผนที่อวกาศแสดงตำแหน่งของโคดลนี่แต่ละแห่ง

เมื่อมีคนคิดชนะสงครามก่อนที่มันจะ เกิดมักจะมีคนบริสุทธ์ต้องตาย ทุกครั้งไป

สตีฟ โรเจอร์

วันที่ 3 มกราคม U.C.0079 จักรวรรดิซีอ้อนได้ทำการเริ่ม ปฎิบัติการ บริทิส (Operation British) โดยการเข้าโจมตี โคโลนี่ ไซด์ 1 (ซาห์) ไซด์ 2 (เฮทท์) และไซด์ 4 (มัวร์) ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธชีวภาและแก๊สพิษ ส่งผลชาวสแปซด์นอยด์ เสียชีวิตทันทีหลายสิบล้านคน เป็นการสังหารหมู่โดยไม่เปิดโอกาสให้ยอมแพ้ ไม่แยกแยะเด็ก ผู้หญิง คนชรา ถ้าไม่ถูกนิวเคลียร์ระเบิดทิ้งไปพร้อมกับโคโลนี่ ก็จะถูกรมแก๊สจนเสียชีวิตทั้งหมด

สเปซโคโลนีตกสู่โลก

หลังจากที่รมแก๊สพิษประชาชนในโคโลนี่ไซด์ 2 แล้ว ซีอ้อนได้ดำเนินการยุทธการ บริทิส ในระยะที่ 2 ด้วยการนำโคโลนี่ไซด์ 2 พุ่งชนโลก โดยมีเป้าหมายคือ หัวใจหลักของฝ่ายสหพันธ์โลกฐานทัพหลักของกองทัพโลกในอเมริกาใต้ จาโบร ถ้าทำสำเร็จ สหพันธ์จะเสียหายอย่างหนักจนไม่อาจลุกขั้นมาต่อต้านได้อีกและชัยชนะจะตกเป็นของซีอ้อนทันที แต่เกิดความคลาดเคลื่อนในการปฎิบัติการ โคโลนี่ไปตกที่เมืองซิดนี่ย์ประเทศออสเตเลีย แทนที่จะเป็นจาโบร ทำให้ประชาชนในเมืองซิดนี่ย์เสียชีวิตทันที ทวีปออสเตเลียหายไปจากแผนที่ 16% เกิดคลื่นช็อคเวฟและสึนามิอันสืบเนื่องมาจาการตกของโคโลนี่ ทำลายชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เกิดสภาวะอากาศของโลกปนเปื้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองในชั้นบรรยากาศ อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั่วโลกละลายระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 10 เมตร ทะเลทรายขยายตัว ภายในสัปดาห์แรกของสงครามหนึ่งปี มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ราว 2 หมื่นล้านคน นับเป็นการสูญเสียครั่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยบันทึกไว้

สเปซโคโลนี่พุ่งชนเมืองซิดนี่ย์

เหตุการณ์โคโลนี่ตกในครั้งนี้เป็นเหมือนคมดาบแห่งความเจ็บแค้นที่ปักลงในใจของชาวโลกหรือ เอิร์ธนอยด์ พวกซีออนถูกขนานนามว่าปีศาจจากอวกาศ นอกจากนี้ยังมีเหล่าผู้เหลือรอดจาก ไซด์ 1 ไซด์ 2 และ ไซด์ 4 ที่รวมตัวกันเข้าร่วมกับสหพันธ์โลกเพื่อต่อต้านซีออน

กองทัพซีออนนำโมบิลสูทมาใช้ในสมรภูมิลูม

หลังจากที่ซีออนไม่สามารถปิดฉากสหพันธ์โลกด้วยแผนการบริทิสได้ จึงได้ระดมกำลังพลที่มีเพื่อรุกคืบอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 15 มกราคม U.C.0079 กองทัพซีออนได้ดำเนินแผนการบุกโจมตี โคโลนี่ไซด์5 (ลูม) และได้ปะทะกับกองกำลังภาคพื้นอวกาศของสหพันธ์โลก โดยสมรภูมิลูมนี้ เป็นการเปิดม่านการปะทะกันครั้งแรกของกองทัพซีออน และกองทัพสหพันธ์ โดยในสมรภูมินี้กองทัพซีอ้อนได้นำเอาโมบิลสูทเข้ามาใช้ทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยวิทยาการที่ล้ำหน้ากว่ามาก กองทัพซีออนจึงได้รับชัยชนะในสมรภูมินี้ และได้จับตัว นายพล เรวิล ผู้บัญชาการกองทัพสหพันธ์ไว้เป็นเฉลย

ชาร์ อัสนาเบิล

ในสงครามครั้งนี้ได้ได้เกิดเรื่องเล่าขานของดาวหางสีแดง ชาร์ อัสนาเบิล ผู้ใช้โมบิลสูทเพียงเครื่องเดียว จมยานรบของสหพันธ์ไป 5 ลำ และจะกลายเป็นตัวละครสำคัญในจักรวาล Universal Century (U.C.) ในเวลาต่อมา หลังจากจบการสู้รบที่สมรภูมิลูม ทางสหพันธ์และซีอ้อนได้ทำการเปิดเจรจากันที่ทวีปอาร์คติก โดยทางซีออนได้ใช้ประโยชน์จากการมีนายพลเรวิลในมือเป็นเครื่องต่อรองให้สหพันธ์ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรและคืนเอกราชให้ซีอ้อน แต่ในช่วงที่ยังเจรจากันไม่ลงตัว นายพลเรวิลได้รับการช่วยเหลือออกมาก่อน ทำให้การเจรจายุติลง แต่ก็ได้มีการทำกรอบข้อตกลงร่วมกันชื่อว่า สนธิสัญญาอาร์คติก คือทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ใช้ อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ ในการทำสงคราม ไม่รุกรานโคโลนี้เป็นกลางที่ไม่ประสงค์เข้าร่วมสงคราม และสิทธิของเฉลยสงคราม ซึ่งเป็นการตกลงเฉพาะฉากหน้า เบื้องหลังแล้วทั้ง 2 ฝ่ายก็แอบละเมิดสนธิสัญญาทั้งคู่

กองกำลังซีออนระดมพลลงสู่โลก

หลังการเจรจาล้มเหลว กองทัพซีออนได้ทำการระดมพลลงมายังโลก ในแถบ เอเชียกลาง ยุโรปเหนือ อเมริกาเหนือ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเข้าปะทะกับกองกำลังภาคพื้นดินของสหพันธ์ และ ด้วยวิทยาการอันห่างชั้นทำให้กองทัพสหพันธ์พ่ายแพ้จนต้องถอยร่น กองทัพซีอ้อนได้รับชัยชนะอย่างอย่างจ่อเนื่องก็เดินหน้ารุกคืบอย่างรวดเร็ว

นายพลเรวิล

หลังจากได้รับการช่วยเหลือออกมาจากการคุมตัวของซีออน นายพลเรวิล ผู้รู้ซึ้งถึงศักยภาพและความน่ากลัวของโมบิลสูทเป็นอย่างดี ได้ผลักดันโครงการวิจัยและสร้างโมบิลสูทสมรรถณะสูงที่โคโลนี่ไซด์7 (นัวร์) อย่างลับ ๆ เพื่อเป็นหัวหอกในการตอบโตกองทัพซีอ้อน โดยมีบริษัทอนาไฮม์ อิเล็กโทรนิกส์ให้ความร่วมมืออย่างลับๆเช่นกัน เพราะอนาไฮม์เองก็แอบขายอาวุธให้กองทัพซีออน

Operation V

หน้ากล่องกันพลา Operation V

Operation V คือชื่อของโครงการนี้ โดยมุ่งเน้นวิจัยและผลิต MS สมรรถนะสูง โดนได้มีการวิจัย MS จำนวน 3 แบบคือ Gundam / Guncannon / Guntank และยังมียานรบคลาสเปกาซัส White Base อีกด้วย แต่ธรรมชาติของความลับ ยิ่งปกปิดเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสงสัยเท่านั้น ก่อนที่การวิจัยจะเสร็จสมบูรณ์ ทางซีออนก็ได้ล่วงรู้ถึงตัวตนโครงการนี้ และได้ส่งหน่วยของชาร์เข้ามาเพื่อสืบค้นเรื่องนี้ (เริ่มเนื้อเรื่องของอนิเมะภาคแรก)

อามูโร่ เรย์ บังคับกันดั้มเอาชนะซาคุของซีออน

แต่ทว่าในระหว่างภารกิจสืบค้นและตรวจสอบ หน่วยซาคุได้ตัดสินใจจะทำลาย MS ตัวต้นแบบของสหพันธ์โดยพลการ ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในไซด์7 ได้มีเด็กหนุ่มที่ชื่อ อามุโร่ เรย์ ได้บังเอิญขึ้นบังคับ MS ต้นแบบรุ่นล่าสุดของสหพันธ์โลกที่ชื่อว่ากันดั้ม สามารถทำลายหน่วยซาคุลงได้ ด้วยสมรรถนะที่สูง เกราะที่ทำจากลูน่าไททาเนียม อาวุธลำแสง และระบบคอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้อัตโนมัติ ทำให้นักบินมือใหม่อย่างอามุโร่ สามารถรับมือกับแอซไพล๊อทอย่างชาร์ได้แบบสูสี

การปะทะกันของชาร์และอามุโร่

หลังจากหลบหนีการตามล่าของซีออน ยานไวท์เบสพร้อมทั้งหน่วยกันดั้มได้เข้าร่วมต่อสู้อีกหลายสมรภูมิ และจบลงด้วยชัยชนะเหนือกองทัพซีอ้อน จนในหมู่ทหารของซีอ้อนขนานนามกันดั้มว่า “ปีศาจสีขาวของสหพันธ์” ในขนะที่ทหารสหพันธ์ต่างขนานนามกันดั้มว่า “เทพสีขาวแห่งสหพันธ์”

หลังจากเหตุการณ์ความวุ่นวายในไซด์ 7 สหพันธ์โลกได้นำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยมาต่อยอดเพื่อผลิตเป็นจำนวนมาก กลายเป็น GM รุ่นต่างๆ ซึ่งจะกลายเป็นขุมกำลังหลักของกองทัพสหพันธ์โลกในเวลาต่อมา

อีกทั้งยังได้นำกันดั้มมาลดสเป็คและปรับแต่งตามความเหมาะสมเช่น กันดั้ม กราวไทป์ ที่ส่งไปให้กองกำลังในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ภาค 08ทีม) หรือ ฟูลอาเมอร์กกันดั้ม รุ่นใช้งานบนอวกาศ ที่ได้ส่งมอบให้กองกำลัง ภารดรภาพมัวร์ (ภาคธันเดอร์โบล) นอกจากนี้ยังได้นำข้อมูลไปพัฒนาต่อเป็น กันดั้ม NT-1 เครื่องสมรรถนะสูงสำหรับนักบินที่เป็นนิวไทป์โดยเฉพาะ (ภาค 0080)

ยุทธการโอเดสซ่า (Operation Odessa)

ในวันที่ 7 พฤศจิกายน UC0079 กองทัพสหพันธ์ได้เปิดฉากยุทธการโอเดสซ่า (Operation Odessa) เป็นการระดมพลครั้งใหญ่ที่รวบรวมทุกสิ่งเท่าที่สหพันธ์มีอยู่ ณ เวลานั้นไม่ว่าจะเป็น ยานรบภาคพื้นดิน รถถัง เครื่องบินรบ ปืนใหญ่ ทหารราบ และมีการนำเอา Ms ที่พึ่งเริ่มผลิตเท่าที่มี เข้าร่วมสงครามครั้งนี้ เป้าหมายเพื่อยึดคืนพื้นที่เหมืองเเร่ในเขตโอเดสซ่า ซึ่งแร่ต่างๆได้จากเหมือนนี้ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำสงคราม ถ้ายึดคืนมาได้นอกจาก สหพันธ์จะได้ทรัพยากรมาใช้งาน ยังจะทำให้กองทัพซีออนบนโลก ขาดแคลนทรัพยากรณ์และปัจจัยอีกด้วย

สมรภูมิโอเดสซ่า

สหพันธ์จึงทุ่มหมดหน้าตักเดิมพันกับศึกครั้งนี้ การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ศึกในครั้งนี้กินเวลาสู้รบต่อเนื่องติดต่อกัน3วันเศษ ชัยชนะตกเป็นของสหพันธ์โลก เป็นชัยชนะครั้งแรกในการสู้รบอย่างเป็นทางการของสหพันธ์ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งในสงคราม 1 ปี และราคาของชัยชนะนี้ แลกมาด้วยชีวิตของทหารราว 3 ล้าน 7 แสนนาย หลังจากจบศึกที่สมรภูมิโอเดสซ่า กองทัพซีออนที่แตกพ่าย บางส่วนถอยร่นไปรวมกับกองกำลังในภูมิภาคอื่นบนโลก บางส่วนอพยพกลับสู่อวกาศ และหลังจากเสียโอเดสซ่าไป นอกจากซีออนจะขาดทรัพยากรและปัจจัยแล้ว ขวัญกำลังใจของกองทัพก็ทดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด

วันที่ 29 พฤศจิกายน ปี U.C.0079 ยานไวท์เบส เข้าเทียบท่าที่จาโบร และกองทัพซีออนนำโดยชาร์ อัสนาเบิลก็พบทางเข้าฐานทัพจาโบรจากการสะกดรอยไวท์เบสมา ทางฝ่ายซีออนจึงได้จู่โจมจาโบรอย่างหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม โดยการใช้หน่วยโจมตีทางอากาศระดมโจมตีฐานทัพอย่างหนักเพื่อคอยดึงความสนและการป้องกันกองจาโบรให้ไปโฟกัสอยู่ที่การป้องกันอากาศยาน กองทัพซีออนระดมกำลังจากฐานแคลิฟอเนียร์ เพื่อโจมตีจาโบร โดยใช้ยานอวกาศ เกาส์และด๊อปป์ เข้าโจมตีทางอากาศ และมีหน่วย MS รุ่นปฎิบัติการในน้ำเข้าโจมตีฐานทัพจาโบรจากทางน้ำใต้ดิน ชาร์ได้แทรกทรึมเข้ามาจู่โจมจากทางน้ำใต้ดิน แต่ก็ถูกกันดั้มสกัดไว้ได้ เมื่อแผนลอบจู่โจมล้มเหลว ชาร์ได้แทรกซึมเข้าฐานจาโบรอีกครั้ง เพื่อลักลอบเข้าวางระเบิดฐานทัพ โดยชาร์ได้พบกับโรงงานผลิต จิม (GM ) โมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมากซึ่งเป็นขุมกำลังหลักของสหพันธ์ในสมรภูมิต่อมา ชาร์ได้ลอบวางระเบิดไว้ แต่ทว่าแผนการล้มเหลว ระเบิดถูกตรวจพบทันเวลา ต่อมายาน

หลังจบคดีลอบวางระเบิด ยาวไวเบส และยานรบอีก2ลำถูกใช้เป็นนกต่อ ล่อหน่วยของชาร์และกองทัพซีออนให้ออกห่างจากจาโบรเพื่อที่จะส่งกองยานและกำลังพลจากจาโบรขึ้นไปบนอวกาศ จุดมุ่งหมายคือการเข้าตีป้อมปราการแนวหน้าของจักรวรรดิ์ซีอ้อน โซโลมอน

ป้อมปราการอวกาศ โซโลมอน

แชมบาลโล่ (Operation Chamballo)

ในวันที่ 24 ธันวาคม ปี U.C.0079 กองทัพสหพันธ์โลกได้เริ่ม ยุทธการ แชมบาลโล่ (Operation Chamballo) โดยระดมพลกองยานอวกาศ เพิ่อเข้าโจมตีป้อมปราการอวกาศโซโลมอนหน้าด่านแรกของกองทัพซีออน โดยสหพันธ์ได้ระดมทั้งยานอวกาศ โมบิลสูท พอทต่อสู้ และ เครื่องบินรบ เข้าจู่โจม การสู้รบครั้งนี้แม้จะเป็นสมรภูมิในอวกาศ แต่ต่างจากสมรภูมิเมื่อครั้งต้นปี เพราะฝ่ายสหพันธ์ได้ใช้ โมบิลสูท จิมรุ่นต่างๆเข้าประจำการเป็นกำลังหลักในกองทัพ ทำให้ศักยภาพด้านการสู้รบสูงขึ้นกว่าครั้งสมรภูมิลูมเป็นอย่างมาก

กองทัพสหพันธ์เตรียมการสู้รบที่สมรภูมิ

ด้วยทรัพยากรณ์และจำนวนที่เหนือกว่าทำให้สหพันธ์ได้เปรียบในการสู้รบแม้จะสูญเสียไปมาก แต่ก็คุมกระแสของสมรภูมิได้ ผู้บัญชาการของซีออน นายพลโดเซิล ซาบี้ รู้สึกได้ถึงความพ่ายแพ้ที่ไกล้เข้ามา จึงได้มีคำสั่งให้ล่าถอย พร้อมกับขึ้นบังคับ โมบิลอาเมอร์ บิกแซม เข้าปะทะกับแนวหน้าของกองทัพสหพันธ์ เพื่อซื้อเวลาเปิดทางให้ กำลังพลที่เหลืออยู่ในป้อมปราการโซโลมอนได้ล่าถอยไปยัง ป้อมปราการถัดไป แนวป้องกันสุดท้ายของซีออน ป้อมปราการอวกาศ อบาวคู และ นายพล โดเซิลก็ได้เสียชีวิตอย่างสมเกียร์ติในสมรภูมินี้ ภายหลังได้รับชัยชนะเหนือปราการอวกาศโซโลมอน กองทัพสหพันธ์ได้ใช้โซโลมอนเป็นฐานทัพแนวหน้าชั่วคราว และเปลี่ยนชื่อเป็น คอมเปโต เพื่อใช้ในการ เติมเสบียง ซ่อมแซมและจัดกระบวนทัพใหม่ เพื่อรุกคืบไปยังสมรภูมิสุดท้าย อบาวคู

โดเซิ้ล ซาบี้ ได้ข้บบิ๊กแซมเข้าปะทะกันแนวหนวหน้าของสหพันธ์

สมรภูมิสุดท้าย อบาวคู

ในวันที่ 30 ธันวาคม ปี U.C. 0079 กองทัพโลกได้เดินทัพมาถึงป้อมปราการอวกาศ อบาวคู ฐานที่มั่นสุดท้ายของจักรวรรดิซีออน เพื่อเริ่ม (Operation Star One) ทางด้าน เดกิน ซาบี้ ผู้นำซีออนได้เสนอเปิดเจรจาสงบศึกกับทางสหพันธ์ โดยได้เดินทางออกจากอบาวคูมาเจรจากับนายพลเรวินจากกองทัพโลกด้วยตนเอง

ป้อมปราการอวกาศ อบาวคู

ในระหว่างนั้น กิเรน ซาบี้ ลูกชายแท้ๆของเดกิน ได้ทำการยึดอำนาจสั่งการและสั่งยิง โซล่า เรย์ อาวุธลำแสงขนาดใหญ่ที่มีลำกล้องขนาดเท่าโคโลนี่ ส่งผลให้ เดกิน ซาบี้ และ นายพลเรวิน เสียชีวิตทันที กองยานของสหพันธ์ถูกทำลาย ซีอ้อนล้มโต๊ะการเจรจาสงบศึกในครั้งนี้

กิเรน ซาบี

กองทัพโลกได้เปิดฉากการรบ

ในวันที่ 31 มกราคม ปี U.C.0079 กองทัพโลกได้เปิดฉากการรบ โดยการระดมโจมตีป้อมปราการอบาวคู การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ด้านกองทัพซีออนนั้นไม่มีที่ให้ถอยอีกแล้ว ทหารแต่ละคนจึงสู้ตายถวายชีวิต ส่วนด้านสหพันธ์ก็โหมโจมตีอย่างหนักด้วยทุกอย่างที่มี ส่วนหนึ่งเพื่อชำระความแค้นมื่อครั้งโคโลนี่ตก

ในศึกตัดสินในครั้งนี้ ชาร์ อัสนาเบิลหัวหอกแห่งกองทัพซีออนได้ขับจิอองเข้าต่อสู้กับกันดั้มของอามุโร่ จนหุ่นของทั้งคู่เสียหาย ทั้งคู่ลงจากหุ่นมาบวกกันตัวต่อตัว จนสุดท้ายต้องเเยกจากกันไปเพราะแรงระเบิด

ด้วยจำนวนทรัพยากรที่เหนือกว่าและมีการนำเอาอาวุธนิวเคลียร์เข้าโจมตีอบาวคู กองทัพสหพันธ์จึงมีความได้เปรียบเหนือกองทัพซีออน

อบาวคูถูกโจมตรด้วยนิวเคลียร์

แต่ในระหว่างที่การรบกำลังดุเดือดอยู่นั้น ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับฝั่งซีอ้อน เมื่อผู้บัญชาการใหญ่ของซีออน กิเรน ซาบี้ ถูกสังหารโดย คิชิเรีย ซาบี้ ซึ่งเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ทำให้การบัญชาการของซีออนเกิดความสับสนโกลาหลเป็นอย่างมาก

คิชิเรีย ซาบี้ สังหาร กิเรน ซาบี

หลังจากการตายของ กิเรน ซาบี้ กองยานของเดลาส ฟรีด นายทหารผู้ภัคดีต่อกิเรนได้ถอนตัวจากพื้นที่การสู้รบ ระหว่างที่กองทัพซีออนกำลังโกลาหล เปิดช่องให้กองทัพสหพันธ์ระดมกำลังเข้าโจมตีอย่างหนัก เทพีแห่งชัยชนะเริ่มส่งยิ้มให้กับสหพันธ์ คิชิเรียที่เห็นสถาการณ์ไม่ดี จึงคิดจะถอยหนีไปพร้อมกับกองกำลังของตน แต่ก็ถูก ชาร์ฆ่าตายเสียก่อน

เดลาส ฟรีด

หลังจากสิ้นผู้บัญชาการทั้ง 2 คนไป กองทัพซีอ้อนก็ทยอยกันแตกพ่ายลงไปเรื่อยๆ จนในท้ายที่สุด ก็ได้ประกาศยอมจำนน ซีออนพ่ายแพ้สงคราม

Universal Century 0080

ในวันที่ 1 มกราคม ปี U.C.0080 จักรวรรดิซีอ้อนและสหพันธ์โลกได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพที่กรานาด้าร่วมกัน เป็นการปิดฉากสงคราม1ปีอย่างเป็นทางการ แต่นี่เป็นเพียงจุดจบของจุดเริ่มต้นเท่านั้น กองกำลังซีออนที่เหลือรอดต่างไม่ยอมรับสนธิสัญญาฉบับนี้ และมีแนวคิดที่จะฟื้นฟูซีออนกลับมาใหม่ ในขณะที่สหพันธ์โลกแม้จะชนะสงครามแต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นราคาที่แพงเกินไปสำหรับชัยชนะ สหพันธ์อ่อนล้าจากสงครามเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังต้องฟื้นฟูโลกที่เสียหายจากการตกของโคโลนี่ ชาวโลกต่างพากันเกลียดชังและสาปแช่งซีออน และมันจะกลายเป็นช่องว่างแห่งความเกลียดชังที่ขยายใหญ่ขึ้น และชักนำทั้ง สเปดนอยด์และเอิร์ธนอยด์เข้าสู้ความขัดแย้งครั้งใหม่ และทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของสงครามหนึ่งปี เป็นอย่างไรกันบ้างครับ หลังจากได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว มันคงเป็นการยากที่จะสรุปได้ว่าฝ่ายไหนดี ฝ่ายไหนเลว ทั้งซีออนและหสพันธ์ ต่างก็มีเหตุผลของตนเองในการทำสงคราม แต่ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีเหตุผลอะไร ถ้าสงครามได้อุบัติพร้อมกับความสูญเสียแล้ว ไม่ว่าฝ่ายไหน ก็เลวไม่ต่างกัน เพราะแบบนี้แหละ สันติภาพ จึงทรงคุณค่ายิ่ง

End War U.C. 0153 ผลงานจากเพจ กันพลาบ้านๆ – Normal gunpla

About the Author

Gold Saint

Content Writer

ชายผู้ชื่นชอบในเรื่องราวของกันดั้ม กันพลา เขาเป็น Content Writer หลักประจำเว็บไซต์ Gunpla Story งานเขียนสรุป สปอย นิยายกันดั้ม ล้วนแล้วแต่มาจากฝีปาก (กา) ของเขาคนนี้นาม Gold Saint

View All Articles